“อนุทิน” กับเป้าหมายนายกฯ ฝันนี้เป็นไปได้ ภท.ต้อง มี ส.ส.เฉียด 100 

คึกคักตามคาดกับบรรยากาศที่ “พรรคภูมิใจไทย” เมื่อวันศุกร์ที่  16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่แม้จะเป็นการจัดงานเพื่อเปิดตึกที่ทำการพรรคหลังรีโนเวตใหม่ แต่เป้าหมายการเมืองจริงๆ ของ ภูมิใจไทย ก็คือ เป็นอีเวนต์การเมือง เพื่อเปิดตัว-เปิดหน้า นักการเมือง-อดีตส.ส.ที่ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย หลังส.ส.หลายคนทยอยลาออกจากพรรคเดิมมาใส่เสื้อภูมิใจไทย 

“อนุทิน ชาญวีรกูล-หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” เลยใช้วันที่ 16 ธ.ค. เปิดทั้งตึกใหม่และเปิดตัวสมาชิกพรรคใหม่

แม้จริงๆแล้ว หลายคนที่มา พบว่า แม้ชื่ออยู่พรรคอื่น แต่พฤตินัย ก็มาอยู่ภูมิใจไทยร่วมสองปีแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มส.ส.งูเห่า ก้าวไกล ที่ย้ายมาตั้งแต่หลังอนาคตใหม่โดนยุบพรรค 

โดยพบว่า จากยอดตัวเลขอดีตส.ส.ที่ไปเปิดตัวกับภูมิใจไทย มีด้วยกันประมาณ 34 คน ที่หลักๆ ก็มาจากเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ นอกนั้นก็มาจากพรรคก้าวไกลและพรรคเล็ก เช่น พรรครวมพลัง -เพื่อชาติ เป็นต้น 

ขณะที่หลายคน ก็เพิ่งตัดสินใจเอาเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกจากพรรคเดิมเพื่อมาอยู่ภูมิใจไทย ด้วยเงื่อนไขของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป เช่น อยู่พรรคเดิม มีโอกาสสอบตกสูง เลยย้ายพรรคดีกว่า เพราะภูมิใจไทย มีเงื่อนไขหลายอย่างเอื้อให้มีโอกาสชนะเลือกตั้งมากกว่า เช่น เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลตอนนี้ ทำให้อาจช่วยสนับสนุนการหาเสียงในพื้นที่ได้ หรือย้ายเพราะมีเงื่อนไขเรื่องการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ดีกว่าอยู่พรรค แบบนี้มันก็ต้องย้าย เพราะยังไง หากลงภูมิใจไทยแล้วเกิดสอบตก แต่ค่าใช้จ่ายที่ได้รับในช่วงเลือกตั้ง ก็อาจมากพอที่ทำให้นำไปใช้ดำเนินชีวิตต่อได้หลังเลือกตั้ง แล้วก็อาจได้ตำแหน่งอื่นๆ มาด้วยเช่น ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี บนเงื่อนไขคือภูมิใจไทยต้องได้เป็นพรรครัฐบาล 

ด้วยเหตุนี้ นักการเมือง-นักเลือกตั้ง หลายคน จึงตัดสินใจได้ไม่ยากในการย้ายมาภูมิใจไทย ยิ่งคนไหนได้เงื่อนไขที่ “ปฏิเสธไม่ลง” เพราะได้รับ “สัญญาใจ” จากทั้ง อนุทินและเนวิน ชิดชอบ สองแกนนำภูมิใจไทย ในการจะช่วยสนับสนุนเต็มที่ตอนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง 

โดยบางคนก็ได้เงื่อนไขทั้ง “กระสุนดินดำ” ที่ดีกว่าพรรคเดิมถึงหลายเท่า อีกทั้ง ได้สัญญาใจว่า หากทำผลงานเข้าเป้า เช่น พาลูกทีม ได้เข้ามาเป็นส.ส.เยอะ ก็จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีตอบแทน แบบนี้มีหรือจะไม่ย้ายมาภูมิใจไทยทันที 

จนทำให้ พรรคภูมิใจไทย ตกเป็นที่พูดถึงในแวดวงการเมืองทั้งรัฐสภาว่า คือเป็นพรรคการเมือง ที่ “อัดฉีด” ดีที่สุด ในบรรดาพรรคการเมืองทุกพรรคเวลานี้ จึงไม่แปลกที่นักการเมืองหลายคน ต่างวิ่งเข้าพรรคภูมิใจไทย 

อย่างอีเวนต์การเมืองที่ภูมิใจไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่ามีส.ส.ที่ลาออกจากพรรคการเมืองต่างๆ แล้วมาเปิดตัวเข้าภูมิใจไทย ก็เช่นจากเพื่อไทยอย่าง ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีต ส.ส.กทม.-นิยม ช่างพินิจ อดีตส.ส.พิษณุโลก-จักรพรรดิ ไชยสาส์น อดีตส.ส.อุดรธานี-นพ. ชีวานันท์ อดีตส.ส.พระนครศรีอยุธยา หรือจากพลังประชารัฐ ก็เช่น 3 อดีตส.ส.กทม. คือ พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์-จักรพันธ์ พรนิมิตร กษิดิ์เดช ชุติมันต์ เป็นต้น และมีข่าวว่าจะมีส.ส.กทม. พลังประชารัฐ ตามมาอีกสองคนคือ กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.ที่จะตามมาสมทบเร็วๆนี้ 

เรียกได้ว่า ตอนนี้ ภูมิใจไทย มีทั้งส.ส.ที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ กับอดีตส.ส.อีกร่วมสามสิบกว่าคนที่มาอยู่ที่ภูมิใจไทยและข่าวว่าอาจจะยังไม่หมดแค่นี้ เพราะก็กำลังเล็งจะดูดเพิ่มอีก 4-5 คน รวมถึงที่จะได้นักการเมืองชื่อดัง-บ้านใหญ่จังหวัดต่างๆ มาร่วมทีมอีกในอนาคต เช่น “สุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย-ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน” หลังข่าวว่า กำลังแยกวงจากกลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่สร้างอนาคตไทย ซึ่งดูแล้วแนวโน้มสูงว่ามาแน่ เพราะล่าสุดลูกสาวสุพล ที่เคยลงเลือกตั้งส.ส.เขตที่อุบลราชธานีเมื่อรอบที่แล้วแต่สอบตก ก็ไปปรากฏตัวและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อย เป็นต้น 

ทำให้หากดูศักยภาพ ขุมกำลัง ของอนุทิน-ภูมิใจไทย ตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่า มีแนวโน้มสูงที่จะได้เป็นพรรคที่ได้ส.ส.หลังเลือกตั้งมาเป็นอันดับสอง รองจากเพื่อไทย แต่หากเป็นพรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ก็มีแนวโน้มสูงมากจะได้เป็นพรรคที่มีส.ส.มากที่สุดหลังเลือกตั้ง 

ดังนั้น หากพรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กๆอื่นเช่น ชาติพัฒนากล้า รวมถึงพรรคตั้งใหม่ ที่สามารถมาอยู่กับปีกนี้ได้ เช่น รวมไทยสร้างชาติ ของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค – ไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือชาติพัฒนากล้าและสร้างอนาคตไทยของสุวัจน์ ลิปตพัลลภกับดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์  ที่กำลังเจรจารวมพรรคกันอยู่ ซึ่งหากทั้งหมด มาจับมือกันแล้วตั้งรัฐบาล โดยที่ ภูมิใจไทย ได้ส.ส.หลังเลือกตั้ง มากกว่า พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ 

มันก็ทำให้ มีโอกาสที่ อนุทิน จะทำฝันให้เป็นจริงคือการเป็น “นายกรัฐมนตรี” หลังเลือกตั้ง ที่รอบนี้ ถือว่ามีโอกาสมากที่สุดแล้ว

เพียงแต่ภูมิใจไทย จะต้องสกัดแลนด์สไลด์เพื่อไทยให้ได้ โดยเฉพาะที่อีสาน และภูมิใจไทยต้องได้ส.ส.ระดับ 90-100 ที่นั่ง 

แต่จะถึงขั้น 120 ที่นั่งอย่างที่ เนวิน ชิดชอบเคยประกาศไว้ ดูแล้วก็คงยากที่จะไปถึงขั้นนั้น แต่หาก ภูมิใจไทย ได้ส.ส.ระดับเฉียด 100 แล้วพรรคขั้วรัฐบาลกับพรรคตั้งใหม่อย่าง รวมไทยสร้างชาติ-ไทยสร้างไทย-ชาติพัฒนากล้า รวมเสียงกันแล้วได้ส.ส.เกิน 250 ที่นั่ง โดยที่พรรคอันดับสองในขั้วนี้ เช่น พลังประชารัฐได้แค่ 60-70 ที่นั่ง ที่ห่างจากภูมิใจไทยค่อนข้างมาก มันก็มีโอกาสสูง ที่อนุทินและภูมิใจไทย จะต้องเล่นบทบาทขอเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยให้ อนุทิน เป็นนายกฯ เว้นเสียแต่ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร กับบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จะไม่ยอม เพราะถือไพ่ เสียงส.ว. 250 เสียงโหวตนายกฯที่มีอำนาจตรงนี้จนถึงปี 2567 มาต่อรอง โดยขอให้อนุทิน หลีกทางให้ก่อน ตามสูตร “ตู่สู่หนู” คือให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯก่อนสองปี แล้วอนุทิน ค่อยเป็นอีกสองปี 

ที่ดูตามรูปการแล้ว มันก็คงยากที่ อนุทิน จะยอมง่ายๆ หากภูมิใจไทยได้ส.ส.มากสุด แต่หัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นนายกฯ 

เว้นเสียแต่ จะมี “สัญญาณพิเศษ”เพื่อขอให้อนุทินหลีกทางให้ พลเอกประยุทธ์ ถ้าแบบนี้ อนุทิน ก็คงต้องยอมแล้วรอไปก่อน แต่ของแบบนี้ลำดับแรก มันอยู่ที่อนุทินกับภูมิใจไทยเองด้วยว่า จะทำให้พรรคได้ส.ส.เฉียด100 ที่นั่งได้หรือไม่ ซึ่งหากทำได้ การต่อรองเรื่องเก้าอี้นายกฯ มันก็ไม่ใช่ ฝันที่ไกลเกินจะคิด แน่นอน 

แสดงความเห็น