“กมธ.งบฯ 65” แจงคืบหน้าพิจารณางบฯ “จิรายุ” ถามหาสมาชิกฝ่ายรัฐบาล หลังไม่เข้าประชุม

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ พร้อมด้วยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 กล่าวถึงผลการประชุมของ กมธ.โดยระบุว่าในวันนี้ (17 มิ.ย.) คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังทั้งหมด และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 2 หน่วยงาน คือสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเสร็จแล้ว และกำลังพิจารณางบประมาณของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 9 หน่วยงาน 1 กองทุน และ 1 หน่วยงานอื่นของรัฐต่อในวันนี้

โดยในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับ การดำเนินงานของหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรได้ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อการจำหน่ายสินค้าของเกษตรกร ทั้งนี้ มีกรรมาธิการบางคนให้ข้อเสนอแนะว่า ในอดีตส้มขาวใหญ่ของจังหวัดสมุทรสงคราม เคยเกิดการหาผู้รับซื้อ แต่เมื่อ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดรับไปจำหน่ายตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ทำให้ส้มโอของเกษตรกรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าสินค้าทางการเกษตรชนิดใดจำหน่ายให้ผู้รับซื้อไม่ได้ ควรร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อจัดหาผู้รับซื้อหรือให้จัดส่งสินค้าทางการเกษตรชนิดนั้นไปจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเร็วในราคาที่เหมาะสม เพราะสินค้าทางการเกษตรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผลไม้ ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า หน่วยงานได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดส่งสินค้าให้กับผู้รับซื้ออยู่แล้วซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ตอนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อทำให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลไม้ส่งตรงถึงผู้ซื้อได้สะดวกขึ้น

นอกจากนี้ หน่วยงานยังมีโครงการอื่นที่สนับสนุนการซื้อผลไม้อีกจำนวนมาก เช่น เมื่อซื้อกล่องใส่ผลไม้จาก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ราคา 39 บาท สามารถส่งผลไม้เต็มกล่องฟรีทั่วประเทศ หรือในขณะนี้หน่วยงานกำลังเจรจากับสายการบินต่างๆ ให้ผู้โดยสารสามารถใช้กล่องใส่ผลไม้ที่มี เครื่องหมายของกรมการค้าภายใน ซึ่งสามารถโหลดผลไม้ลงใต้ท้องเครื่องบินแยกจากสัมภาระได้อีก 20 กิโลกรัมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการฯ ยังหารือกับกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการลักลอบนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคามะพร้าวในประเทศ เช่น มะพร้าวน้ำหอม ใช้เวลาการปลูกเพียง 21 วัน ราคาลูกละ 30 บาท แต่จะมีผลผลิตได้ตามฤดูกาล ส่วน มะพร้าวแกงต้องใช้เวลาการปลูกถึง 45 วัน และต้องมีค่าปีนเก็บมะพร้าวอีก 2 บาท แต่เมื่อมีการลักลอบน้ำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ ทำให้ราคามะพร้าวแกง มีราคาเหลือลูกละ 6-7 บาทเท่านั้น ซึ่งทำให้เกษตรกรรู้สึกว่า การปลูกมะพร้าวแกงเป็นมะพร้าวไทยไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนปลูก เพราะใช้เวลาปลูกมากกว่า 2 เท่า แต่ราคาถูกกว่ามะพร้าวน้ำหอมถึง 5 เท่า

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า จากปัญหาดังกล่าวกรมการค้าระหว่างประเทศได้ประสานกับกรมศุลกากรเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศแล้ว และกรมการค้าภายในได้ออกมาตรการให้ผู้ที่ต้องการขนย้ายมะพร้าวข้ามเขตใน 8 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่มะพร้าวจะถูกลักลอบนำเข้ามาได้ เช่น กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สงขลา นราธิวาส ชุมพร ปัตตานี สตูล และสุราษฎร์ธานี ต้องขออนุญาตขนย้ายก่อน เพื่อให้หน่วยงานทราบถึงที่มาที่ไปของมะพร้าวในประเทศ ซึ่งเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หากมีการขนย้ายมะพร้าวที่มีน้ำหนักรวมกันไม่เกินกว่า 7,000 กิโลกรัม ไม่จำเป็นต้อง ขออนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระให้กับเกษตรกรรายย่อยซึ่งมีการขนย้ายมะพร้าวในชีวิตประจำวัน โดยรถปิกอัพส่วนตัวอยู่แล้วซึ่งรถหนึ่งคันสามารถบรรทุกได้ไม่เกิน 7,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังได้หารือกันเกี่ยวกับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพง ซึ่งกรรมาธิการได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ร้านอาหารต่าง ๆ จำหน่าย

อาหารได้ไม่มากนัก จึงไม่ค่อยรับซื้อปลากะพงทั้งตัวจากเกษตรกร และยิ่งปลากะพงมีอายุมากขึ้นจะมีขนาดใหญ่มากทำให้ยิ่งหาผู้ซื้อได้ยาก จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างมาก เพราะการเลี้ยงปลากะพงต้องมีค่าใช้จ่ายต่อวันสำหรับค่าอาหารปลาในปริมาณมากและราคาสูง จากกรณีดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า หน่วยงานได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนบริโภคปลากระพงแล้ว และได้ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดซึ่งอยู่ในพื้นที่เลี้ยงปลากระพง จัดส่งปลากระพงไปนอกพื้นที่แหล่งผลิตเพื่อระบายปลากระพงไปจำหน่ายในพื้นที่อื่นตามที่ตลาดต้องการด้วย ส่วนกรณี ปัญหาปลากระพงมีขนาดใหญ่เกินไป จนไม่มีผู้รับซื้อ กรมการค้าภายในได้ส่งเสริมให้มีการ แบ่งปลากระพงเป็นชิ้นเพื่อแบ่งจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อและเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าแล้วซึ่งได้รับความ นิยมอย่างมาก

ส่วนในวันนี้ตามระเบียบวาระจะมีการพิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงพาณิชย์อีก 9 หน่วยงาน 1 กองทุน และ 1 หน่วยงานอื่นของรัฐ ดังนี้ 1.กรมการค้าต่างประเทศ 2.กรมเจรจากทรค้าระหว่างประเทศ 3.กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 4.กรมการค้าภายใน 5.กรมการค้าภายใน สำหรับกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 6.กรมทรัพย์สินทางปัญญา 7.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 8.ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ 9.สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมนีและเครื่องประดับแห่งชาติ 10.สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา 11.สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวถึงภาพรวมการประชุมงบในวันนี้ว่า ฝ่ายค้านพยายามประคองการประชุมไม่ให้ล่ม เพราะไม่มีคณะกรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลเข้าประชุมเลย 

“ไม่ทราบว่ากรรมาธิการรัฐบาลหายไปไหนกันหมด จึงอยากขอให้กรรมาธิการรัฐบาล เข้ามาร่วมประชุมกันบ้าง” นายจิรายุ กล่าว

แสดงความเห็น