ส.ส. ก้าวไกล ขอลดงบกองทัพ 3 หมื่นล้าน ชี้ พิรุธหลายจุด

สภาฯ ถก งบฯวันแรก ยาว 10 ชม. 9 ส.ส. ก้าวไกล ขอลดงบกองทัพ 3 หมื่นล้าน ชี้ พิรุธหลายจุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส. พรรคก้าวไกล รวม 9 คน ได้ลุกขึ้นอภิปรายเพื่อขอปรับลดกระทรวงกลาโหม รวม 30,000 ล้านบาท ต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท  โดยได้ชี้ถึงข้อพิรุธต่อการเสนอของบประมาณในหลากหลายด้าน ทั้งการจัดซื้ออุปกรณ์ที่แพงเกินจริง  อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายจิรัฏฐ์  ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล

โดยนายวิโรจน์ อภิปรายว่าปี 2565  กองทัพตั้งงบประมาณ 36 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อชุดเครื่องสนาม ราคากลางที่ 14,858 บาท ต่อชุด  ต้องการซื้อ 2,429 ชุด ทั้งที่ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อในราคาถูกกว่าครึ่ง ดังนั้นตนขอปรับลดให้กองทัพใช้ราคาเท่ากับประชาชน หรือ 16.4 ล้านบาท 

“ประชาชนต้องการสามัญสำนึกของกระทรวงกลาโหม ต่อการใช้งบประมาณขอให้ปรับลดที่ไม่จำเป็น ชุดเครื่องสนาม ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าเอาไว้กินมากกว่าเอาไว้ฝึก” นายวิโรจน์ กล่าว

ขณะที่นายจิรัฏฐ์  อภิปรายขอปรับลดกองทัพ 10%  เพราะกองทัพพยายามระบุว่าปรับลดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็น แต่ข้อเท็จจริงพบว่าส่วนของทูตทหารมีการตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อ เช่น พรม, ม่าน, เครื่องชงกาแฟ, งบประมาณตกแต่งห้องครัว, จัดสวน, ลู่วิ่ง, เก้าอี้นวดไฟฟ้า, หม้อทอดไร้น้ำมัน, โต๊ะบาร์เหล้า, ตู้แช่ไวน์ , เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ,ทีวีขนาดใหญ่,  โทรศัพท์สมาร์ทโฟน, แมคบุ๊คแอร์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการจัดซื้อโต๊ะ เก้าอี้ที่แบ่งตามยศและชนนั้น รวมถึงพบด้วยว่าทหารเตรียมจัดซื้อแตรทหาร ตัวละ 22,500 บาท รวม 350 ตัว ทั้งที่ราคาตลาดอยู่ที่ 2,500 บาท รวมถึงจะจัดซื้อเครื่องฟอกอากาศ เครื่องละกว่า 2 หมื่นบาท ทั้งที่ราคาในท้องตลาดราคาถูกกว่าครึ่ง

“ในการพิจารณาของกมธ.ฯ พบว่ามีการนำใบเสนอราคา ที่ให้สภาฯ พิจารณา ซึ่งมีการตัดแปะ ไม่มีความน่าเชื่อถือให้ ส.ส.พิจารณา หากเป็นไปได้ขอให้ตัดงบประมาณ” นายจิรัฎฐ์ อภิปราย

ส่วน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสรุปเนื้อหาของ 9 ส.ส.พรรคก้าวไกล ว่า มียอดปรับลดรวม 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้พบว่าการเสนอของบประมาณของกองทัพนั้น ยังพบการเบิกเงินเกิน เช่น เรือสนับสนุนเรือดำน้ำ LPD ระยะที่1 ลงนามสัญญา 4,385 ล้านบาท หากทำโครงการเสร็จปี 2565 พบว่าจะได้รับเงินจัดสรร 4,904 ล้านบาท เพราะในปี 2564 พบการเบิกจ่ายเงิน 3,734 ล้านบาท ทั้งที่ได้งบจัดสรร 3,215 ล้านบาท ทั้งนี้เรือแอลพีดี ระยะที่สอง เสนองบจัดสรร 1,800 ล้านบาท รวม 6,185 ล้านบาท ดังนั้นจะพบเงินที่เกินมากว่า 519 ล้านบาท

“เรือแอลพีดี ไม่มีประเทศไหนใช้สนับสนุนเรือดำน้ำ ทั้งนี้ที่ต้องเสนอเพื่อหาเหตุผลให้ผ่านง่าย โดยเรือแอลพีดีจำเป็นต้องมีอาวุธบนเรือ แต่ด้วยความเร่งรีบหรืออยากได้เงินทอนจึงลงนามโดยไม่ติดอาวุธ ทำให้มีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ สูง 534 ล้านบาท เพื่อชดเชยค่าอาวุธที่ไม่ได้ตกลงกัน” นายพิจาณ์ อภิปราย

ทั้งนี้ หลังการอภิปรายและพิจารณานาน กว่า 3 ชั่วโมง ในมาตรา 8 งบของกระทรวงกลาโหม ที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมากที่ปรับแก้ไข ด้วยเสียง 226 เสียง ต่อ 123 เสียง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า คะแนนงดออกเสียงนั้นมีจำนวนมาก จากมาตราที่ผ่านมามีจำนวนหลักสิบเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ กมธ.ฯเสียงข้างมากไม่สามารถชี้แจงและตอบคำถามของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่อภิปรายท้วงติงและตั้งคำถามต่อรายละเอียดของการเสนอของบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะงบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์

แสดงความเห็น