![19B5B62C-8E29-4A1A-8AEB-E7FEA575AD7C](https://theagendathai.com/wp-content/uploads/2020/02/19B5B62C-8E29-4A1A-8AEB-E7FEA575AD7C-696x390.jpeg)
![](https://theagendathai.com/images/728.jpg)
คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกมธ.ฯ ร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมด้วยภาคเอกชน นักธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดงานเสวสนาเพื่อรับฟังข้อมูล รายละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ้ เพื่อเตรียมความพร้อมสังคมเข้าสู่สังคมดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ Work Shop on The Future of Thailand
![](https://theagendathai.com/wp-content/uploads/2020/02/E364D345-042B-4A0C-8447-C0D717CADDBC-1024x683.jpeg)
โดยน.ส.กัลยา ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานดังกล่าวว่า เพื่อเตรียมสังคมให้มีความพร้อมและตื่นตัวต่อการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่จะเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่ กสทช. ได้เริ่มต้นและเข้าสู่การประมูลคลื่นความถี่สำหรับให้บริการ 5จี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะเข้าสู่การยกระดับศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนา ผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม, เศรษฐกิจ, ธุรกิจ, สังคม และการเมือง โดยเชื่อว่าจุดเริ่มต้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและการแข่งขันดังกล่าว จะเห็นผลภายในระยะเวลา 5 – 10 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นใช้จากภาคอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
“เชื่อว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ 5จี ในประเทศไทย จะส่งเสริมการพัฒนาในระบบอุตสาหกรรม ทั้งทางด้านการผลิต ที่ใช้ เอไอ และ เออาร์ เข้ามายกระดับการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งกมธ.ดีอีเอส มีหน้าที่สำคัญต่อการติดตามการดำเนินการต่อการใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ประชาชนและประเทศมากที่สุด โดยเริ่มจาก” น.ส.กัลยา กล่าว
![](https://theagendathai.com/wp-content/uploads/2020/02/5B05B7B8-4BD1-49C2-89EF-1B51C89375E2-1024x664.jpeg)
สำหรับบทบาทของกมธ.ฯ ต่อการมีส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนความสำเร็จนั้น สามารถมีผลการศึกษา และเสนอแนะแนวทางไปสู่รัฐบาล เพื่อให้พิจารณาต่อการคลายล็อค หรือเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการยกระดับขีดความสามารถดังกล่าว ขณะที่ในบทบาทของภาคประชาชน กมธ.ฯ จะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร เพื่อเตรียมพร้อมและเปลี่ยนแปลงต่อการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
ด้านนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ฐานะรองประธานกมธ. ดีอีเอส สภาฯ กล่าวถึงผลการประมูล 5 จีของกสทช.ที่พบว่ามีกลุ่มทุนใหญ่ด้านการสื่อสารเป็นผู้ที่ครอบครองสัญญา ถึง 3 คลื่น 23 ไลเซ่นส์ และลดหลั่นสัญญาตาม แต่ยังอยู่ในกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ว่า การเริ่มต้นประมูล 5จี ถือเป็นสิ่งไทยแสดงให้เห็นความเป็นผู้นำด้าน 5จี ในอาเซียน แต่การเร่งการประมูลและการพัฒนาที่เกิดขึ้นนั้น ตนขอเรียกร้องไปยังกลุ่มทุนให้บริการคลื่นความถี่ คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน ทั้งการแบกรับค่าบริการ และ เครื่องมือสื่อสารที่ไม่สามารถผลิตรองรับการใช้คลื่นความถี่ที่ทันสมัยได้ทัน นอกจากนั้นแล้วในภาคอุตสาหกรรม ที่เชื่อว่าจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ยกระดับนวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจ ตนกังวลว่าอาจทำให้ภาคแรงงานได้รับผลกระทบ คือ ตกงานเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับภาคการศึกษา และธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นบทบาทของกมธ.ฯ จะติดตามประเด็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเป็นอีกช่องทางที่สื่อสารข้อมูลที่ทันสถานการณ์ไปยังประชาชนให้เกิดความารับรู้และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ขณะที่บรรยากาศภายในงานเวิร์คชอปที่เกิดขึ้น มีกมธ.ฯ ดีอีเอส พร้อมด้วยอนุกมธ. ภายในกมธ. , ส.ส. และผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงประชาชนทั่วไป ประมาณ 50 คนเข้าร่วมรับฟังรายละเอียดและข้อมูล รวมถึงตั้งข้อซักถามกับ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่บรรยายและให้ความรู้ในงานเสวนาดังกล่าว อาทิ ดร.เจษฎา ศิวรักษ์ หัวหน้าฝ่ายรัฐกิจและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด, นายนนทวัตต์ สาระมาน นายกสมาคมส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีไซเบอร์ (CIPAT)
โดยสาระสำคัญช่วงให้ข้อมูล คือ หลังจากที่กสทช. ประมูลคลื่น 5จี แล้วเสร็จ ต้องใช้เวลาเตรียมงานส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนการใช้งานได้จริง โดยคาดว่าประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยีจากคลื่น 5 จี ประมาณ เดือนมกราคม 2564 ขณะที่การใช้งาน แม้ประเทศไทยจะยกระดับคลื่นความถี่ แต่กำไร หรือรายได้ ยังตกอยู่กับเจ้าของแพลตฟอร์มที่ให้บริการกับประชาชน เช่น กูเกิ้ล, ยูทูป, ร้านค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่, สื่อสังคมออนไลน์, อี-เมล์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่ผูกขาดแบบข้ามชาติ พร้อมกับกล่าวสนับสนุนให้ประเทศไทยพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็นของตนเองเพื่อป้องกันปัญหาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มข้ามชาติดำเนินนโยบายหรือยุทธศาสตร์ที่กระาทบต่อผู้ใช้บริการ เช่น เก็บค่าบริการ, ระงับการเข้าถึง เป็นต้น
ขณะที่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธ์ุ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการกสทช.กล่าวในหัวข้อ The Future of Thailand 4.0 ตอนหนึ่งว่า เทคโนโลยีสื่อสารที่เพิ่มสปีด หรือการเข้าถึงการใช้งาน เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ แต่ต้องมีเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ที่รองรับระบบใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นจากเดิม เช่น จากเดิมมี 3จี พัฒนาเป็น 4 จี ที่สามารถใช้การสื่อสาร มากกว่าส่งข้อความ
“กสทช. ประสบความสำเร็จ จากเทคโนโลยีที่ทันสมัย เชื่อมโยงการสื่อสารกับประชาชน แต่สิ่งที่อยากเห็นมากกว่านั้น คือ การเพิ่มมูลค่าคลื่นความถี่ที่ดีเยี่ยมมากขึ้น เช่น พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการใช้งานหรือให้บริการกับประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการและประชาชน ต้องมองให้เห็นถึงประโยชน์จากการต่อยอดทางเทคโนโลยี ที่ผ่านมาภาครัฐต้องการส่งเสริมการพัฒนาและต่อยอด สำหรับเทรนด์ของ 5 จีที่จะมาถึง เชื่อว่าอันดับแรกคือ ความรวดเร็ว ขีดความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มากกว่า 3จี หรือ 4จี ที่เชื่อมอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น ไม่เฉพาะโทรศัพท์มือถือ แต่คืออุปกรณ์ที่ใช้ในระบบอุตสาหกรรม, อุปกรณ์ภายในบ้านที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต” พล.อ.ท.ดร.ธนพันธ์ุ กล่าว.
แสดงความเห็น
![](https://theagendathai.com/images/728.jpg)