‘เพื่อไทย’ ลอยลำ ‘ประมุขนิติบัญญัติ’

ถ้าถึง ‘ชิงดำ’ เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ‘เพื่อไทย’ เข้าวินสบายปร๋อแน่

เพราะแม้แต่ขั้วรัฐบาลเก่า ยังประกาศออกมาเลยว่า ยังไม่ได้กำหนดว่า จะโหวตทางใด แต่ที่แน่ๆ ‘โนก้าวไกล’ ร้อยเปอร์เซ็นต์

จับท่าทีของ ‘เพื่อไทย’ แล้วคงไม่ผ่อน คงไม่ถอย ในเมื่อเก้าอี้ ‘ผู้นำฝ่ายบริหาร’ พรรคก้าวไกลเอาไปแล้ว โดยสมการทางการเมือง ต้อง ‘กินแบ่ง’ เพราะพรรคอันดับ 1 กับพรรคอันดับ 2 จำนวนที่นั่งขี่คอกันไม่เกิน 10 เสียง

หากจะอ้างธรรมเนียมปฏิบัติเป็นโควตาพรรคอันดับ 1 แต่จะถูกย้อนศรเหมือนกันว่า ธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตพรรคอันดับ 1 กับพรรคอันดับ 2 ไม่เคยจับมือกัน

ที่ผ่านมาพรรคอันดับ 1 จะเป็นแกนนำรัฐบาล และพรรคอันดับ 2 จะเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ฉะนั้น เรื่องนี้มันอยู่ที่การต่อรองกัน ไม่ใช่เรื่องอันดับ 2 แล้วอยากได้เหรียญทอง

‘พรรคเพื่อไทย’ อาจเคยกินรวบทั้งเก้าอี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ และ ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’ ในอดีต แต่ต้องย้อนไปดูว่า ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.ในสภาแบบถล่มทลาย เหนือกว่าพรรคอันดับ 3 ไล่ลงไปร่วมร้อยคน

ขณะที่พรรคอันดับ 2 อย่าง ‘ประชาธิปัตย์’ เป็นฝ่ายค้านโดยอัตโนมัติ

อำนาจการต่อรองครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจึงได้เปรียบอยู่หลายช่วงตัว

และในทางปฏิบัติ พรรคเพื่อไทยมีสิทธิชิงท้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ด้วยซ้ำ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามให้รวบรวมเสียงแข่ง แต่รู้จักคำว่า ‘มารยาท’ และ ‘ให้เกียรติ’ พรรคก้าวไกล

แม้แต่เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยยังต้องเจรจากับพรรคก้าวไกลก่อน ทั้งที่หากเห็นไม่ตรงกัน สามารถไปวัดกันในวันโหวตได้เลย ไม่ต้องพินอบพิเทาแบบนี้

เพราะไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะยอมหรือไม่ยอม พรรคเพื่อไทยมีแต้มต่อหลายขุมในศึกนี้เลย

ฉะนั้น ดูแววแล้ว หากพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนใจยกเก้าอี้ ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ ให้พรรคก้าวไกลไปเสียก่อน พรรคสีส้มคงต้องยอม

ส่องดูแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทย มีหลายคนที่เหนือกว่า ‘อ๋อง’ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ที่พรรคก้าวไกลเสนอ

‘พ่อมดดำ’ สุชาติ ตันเจริญ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 2 ครั้ง ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ เป็นมือกฎหมายของพรรค เป็นนักการเมืองอาวุโส ได้รับความเคารพจาก ส.ส.ทุกพรรค ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แม้แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในยามนั้นที่ปั่นจนประชุมกันไม่ได้ยังยอมฟัง

ไม่เว้นแม้แต่ หมอคนดัง ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.มาหลายสมัย แม่นข้อบังคับ ทำงานในสภาสร้างสรรค์ เป็นถึง ‘อดีตดาวสภา’

วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ทั้งพรรษาและการยอมรับเหนือกว่า ‘ปดิพัทธ์’ หมด หากไม่ใช้อคติบังตา

แม้แต่ขั้วรัฐบาลเก่าที่เป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยมาตลอดยังยอมรับในรายชื่อเหล่านี้มากกว่าแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล

ฉะนั้น ดันทุรังไปมีแต่แพ้ เพราะบางครั้งมันต้องดูเรื่องความเหมาะสมเข้ามาประกอบด้วย และความเหมาะสมที่ว่า ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่ตัดสินว่า ใช่!

และถ้าจะคิดสู้กัน วัดกันที่เสียงโหวต เมื่อแพ้แล้วต้องยอมรับ ไม่ใช่ไปปั่นกระแสว่า อีกฝั่งรวมหัวรุม 

การเมืองเป็นเรื่องของการเจรจา เมื่อเจรจาไม่ได้ก็วัดกันตามกติกา ไม่ใช่ใช้แรงกดดันนอกสภา

แสดงความเห็น