2565 ม็อบสามนิ้ว กลับมาได้ แต่ไม่พีคเหมือนเดิม

การเมืองปีนี้ 2565 มีหลายปมร้อนการเมืองที่แวดวงการเมืองบอกว่าเป็นปี “เสือดุ” ให้ต้องติดตาม

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมสามเขตที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันหมดในเดือนมกราคมนี้  คือที่ชุมพร -สงขลา วันที่ 16 ม.ค.และที่หลักสี่ กรุงเทพมหานคร วันที่ 30 ม.ค. -การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่น่าจะเกิดขึ้นภายในกลางปีนี้ หรือช้าแบบสุดๆก็คงไม่เกินส.ค. -การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบลงมติในการประชุมสภาฯสมัยหน้า ช่วงพ.ค.-ก.ย. 2565 โดยจะมีการอภิปรายแบบไม่ลงมติของฝ่ายค้านมาคั่นอารมณ์ก่อนในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมเดือนก.พ.นี้ที่ก็เป็นการอภิปรายที่จะไม่มีผลทางการเมืองใดๆ แตกต่างจากศึกซักฟอกกลางปี ที่ขอให้จับตาเพราะอาจเป็นศึกซักฟอก ที่ถึงขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองโดยเฉพาะการ “ยุบสภาฯ” เกิดขึ้นได้หากปัญหาระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับกลุ่มธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐยังแก้ไม่ตก เป็นต้น  

และอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องจับตาในปีนี้ ก็คือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบภายใต้การนำของ “คณะราษฎร 63″ หรือ “ม็อบสามนิ้ว” ที่ตอนนี้คือกลุ่มม็อบการเมืองที่มีการเกาะกลุ่มรวมตัวกันของแนวร่วมจำนวนหนึ่งจนเรียกได้ว่าเป็นม็อบการเมืองที่การเคลื่อนไหวถูกจับตามองจากรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ชูธงการเคลื่อนไหวในสามประเด็นคือ 1.ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 2.ปฏิรูปสถาบันฯ 3.เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำม็อบที่ถูกจองจำเพราะศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

จริงอยู่ว่า แม้ระยะหลังการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ที่นัดชุมนุมหลายครั้ง แนวร่วม-กลุ่มผู้ชุมนุมมาร่วมกันไม่มากเหมือนเดิม โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบปริมาณในช่วงตั้งแต่มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จนถึงการชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายของม็อบคือเมื่อ 12 ธันวาคม 2564 ที่สี่แยกราชประสงค์ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่จะพบว่า วันที่การชุมนุมมีคนมาร่วมเยอะสุด ในช่วงดังกล่าว ก็ยังมีคนมาร่วมด้วยที่มีจำนวนน้อยกว่าการชุมนุมของม็อบสามนิ้วช่วงพีคๆ ตอนปี 2563 ค่อนข้างมาก จนแกนนำม็อบบางส่วนก็ยอมรับว่า กระแสม็อบปีที่แล้วไม่พีคเหมือนช่วงม็อบสามนิ้วฮอตสุดๆ ตอนปี 2563 เรียกได้ว่าหายไปหลายหมื่น

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง หลายฝ่ายแม้แต่รัฐบาล-หน่วยข่าวความมั่นคง ทั้งหลาย ก็ไม่ปฏิเสธที่จะบอกว่า ปัจจุบัน ม็อบที่ต้องให้ความสำคัญ จับตามองทุกฝีก้าว ก็คือ ม็อบสามนิ้ว เพราะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสังคม ที่สำคัญ แนวร่วมกลุ่มดังกล่าว ที่มีจำนวนพอสมควรโดยเฉพาะในสังคมออนไลน์-โซเชียลมีเดีย พบว่าส่วนใหญ่คือ “กลุ่มนักศึกษา-คนรุ่นใหม่” จึงทำให้ ทุกฝ่าย ยังให้น้ำหนักค่อนข้างมากกับการติดตามการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ที่แนวร่วมประกาศไว้แล้วว่า ม็อบสามนิ้ว จะคัมแบ็คปีนี้แน่นอน 

ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ 24 มิถุนาประชาธิปไตย-พี่ใหญ่แกนนำม็อบสามนิ้ว”  ที่ระบุไว้ในวันชุมนุมใหญ่ม็อบสามนิ้วนัดส่งท้ายปี เมื่อ 12 ธ.ค. 2564 ที่สี่แยกราชประสงค์ว่า

“ปี 2565 คาดว่าจะเป็นปีทองจะมีการชุมนุมถี่ขึ้นที่ต่างจังหวัดควบคู่กันไป ที่ประชาชนออกมาก็เพราะผลผลิตของการบริหารรัฐบาลชุดนี้”

เช่นเดียวกับ “น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำกลุ่มม็อบสามนิ้ว” กล่าวไว้เมื่อ 19 ธ.ค. 2564 บนเวที เสวนาที่ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว  ที่คุยกันในหัวข้อ “สรุปความขัดแย้งทางการเมือง (2564) และร่วมมองการเมืองไทยในปีหน้า (2565) ว่าด้วยเส้นทางประชาธิปไตยในความขัดแย้งทางการเมือง กับเดิมพันอนาคตสังคมไทย”

วันดังกล่าว “มายด์-ภัสราวลี” ระบุว่า ในปี 65 ข้อเรียกร้องที่เป็นรูปธรรม คือการเข้าชื่อยกเลิก 112  และจะขอเป็นอีกหนึ่งคนที่ผลักดันยกเลิกกฎหมายนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง

“เวลานี้มีเพื่อนเราหลายคนถูกกฎหมาย ม.112 ทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม ปี2565 มั่นใจข้อเรียกร้องในการชุมนุมจะถูกแปรออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้น เราจะยกระดับตัวเองไม่ใช่ผู้ประท้วงอย่างเดียว แต่เป้าหมายคือทวงคืนชัยชนะและอำนาจของประชาชนกลับคืนมาอีกครั้ง” มายด์ ภัสราวลี บอกท่าทีของม็อบสามนิ้วไว้ชัดเจน

ปี 2565 การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ต้องดูกันว่า จะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อนัดเคลื่อนไหวชุมนุมในโอกาสต่างๆ ยามที่แกนนำบางคนมีแนวโน้มอาจติดคุกยาว

โดยเฉพาะกับกรณีของ แกนนำม็อบสามนิ้ว ระดับหัวแถวสี่คนที่ไม่ได้รับการประกันตัว คือ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน -อานนท์ นำภา-ภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน หลังที่ผ่านมา มีความพยายามยื่นขอประกันตัวหลายครั้ง แต่ศาลอาญายังไม่ปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่าเคยปล่อยชั่วคราวไปแล้ว แต่แกนนำได้กระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไข มีการปราศรัยให้เกิดความวุ่นวาย หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเกรงจะกระทำซ้ำหรือก่อเหตุอีกตามที่ถูกฟ้องในชั้นนี้ จึงยังไม่มีเหตุให้ปล่อยตัวชั่วคราวตามที่ยื่นคำร้อง

ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวเพื่อกดดันศาล เช่นไปชุมนุมทำม็อบหน้าศาลอาญา เพื่อกดดันให้ศาลปล่อยตัว ก็เริ่มจะไม่ได้ผล แถมคนที่เป็นแกนนำ ก็ถูกดำเนินคดีจึงทำให้ แนวร่วมที่คิดจะเปิดตัวไปกดดันศาล ก็ชักหวั่นเกรง จนการกดดันศาลแบบที่เคยทำ เริ่มไม่ได้ผล คนไปร่วมด้วย

จนสุดท้าย มีความเคลื่อนไหวของแกนนำม็อบแถวหน้าสี่คนข้างต้น ที่ประกาศผ่านทนายความของกลุ่มว่าหลังจากนี้ จะไม่ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกแล้ว เพราะยื่นไปแล้วหลายครั้ง แต่ศาลอาญาก็ไม่อนุญาต 

เมื่อเป็นเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ยามที่แกนนำทั้งสี่คนไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวรวมถึงแนวร่วมอีกบางคนเช่น น.ส.เบนจา อะปัญ ผู้ต้องหาคดี 112 แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเช่นกัน  ขณะที่แกนนำและแนวร่วม อีกบางส่วนเช่น น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จนถึงวันที่ 12 ม.ค.เพื่อไปทำการเรียนและสอบที่ธรรมศาสตร์ ก็ต้องรอดูอีกว่า หลังจากนี้ จะมีท่าทีอย่างไร จะยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกหรือไม่  ขณะที่แกนนำคนอื่น เช่น  สมยศ พฤกษาเกษมสุข -ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ -มายด์-น.ส.ภัสราวลี จะพบว่าแต่ละคน ล้วนถูกยื่นฟ้องในคดีต่างๆ ต่อศาลแตกต่างกันไป

อาทิเช่น มายด์-ภัสราวลี ถูกยื่นฟ้องเป็นจำเลยคดี ถูกกล่าวหาความผิดมาตรา 112 และมาตรา 116 กรณีชุมนุมอ่านแถลงการณ์หน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ซึ่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามไปกระทำความผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อีก

ด้วยเหตุนี้ จะเห็นได้ว่า แกนนำ-แนวร่วมม็อบสามนิ้ว หลายคน ต่างมีชนักในเรื่องคดีความติดอยู่ โดยเฉพาะเงื่อนไขการปล่อยตัวของศาล ที่ทำให้แกนนำแต่ละคนก็ต้องระมัดระวังตัว หากจะไปเคลื่อนไหวในประเด็นที่ศาลสั่งห้ามเช่นไปเคลื่อนไหวในประเด็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯหรือเวลาม็อบมีการนัดชุมนุม แล้วไปร่วมด้วย ซึ่งหากเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาระหว่างการชุมนุม  มันก็เสี่ยงจะถูกตำรวจยื่นขอให้ศาลถอนประกัน จนอาจต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำก็ได้

ปัจจัยข้างต้น จึงมีการประเมินกันว่า การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ในปีนี้ บรรดาแกนนำต้องระมัดระวังตัว โดยจะไปเคลื่อนไหวแบบดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้

จุดนี้น่าจะทำให้ การนัดชุมนุมต่างๆ ในปีนี้ของม็อบสามนิ้ว อาจไม่ร้อนแรงเหมือนสองปีที่ผ่านมา คืออาจเป็นแค่นัดหมายทำกิจกรรม รวมตัวกัน เช่นนัดตอนเย็น หัวค่ำก็เลิก แต่จะไปเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์แบบในอดีต มีการเดินขบวนไปยังสถานที่ต่างๆ ดูแล้ว น่าจะทำได้ยาก หรือหากทำ คนก็อาจมาร่วมไม่เยอะเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ม็อบฝ่ายเดียวกับกลุ่มสามนิ้ว ที่ฝ่ายรัฐบาล-หน่วยข่าวความมั่นคง หนักใจมากเป็นพิเศษ น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของม็อบแบบไร้แกนนำ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นที่ “แยกดินแดง” ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนร่วมเดือนเศษ จนพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นสมรภูมิย่อยๆ ของม็อบไร้แกนนำกับตำรวจ ก่อนที่จะเริ่มซาในเวลาต่อมา ที่ไม่แน่ ปีนี้ อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งม็อบแบบนี้แหละที่ รัฐบาล-ตำรวจ หนักใจมากกว่า เพราะไม่ใช่ม็อบที่จะมากดดันรัฐบาลได้แต่จะไปทำให้ประชาชนเดือดร้อน จนคนออกมาด่ารัฐบาลที่่ดูแลความสงบให้ประชาชนไม่ได้

สถานการณ์ม็อบสามนิ้ว ปีนี้ จึงประเมินไว้ว่า คงมีการนัดเคลื่อนไหวกันหลายครั้ง ในลักษณะเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เพื่อเลี้ยงกระแส เลี้ยงแนวร่วมตัวเองเอาไว้  แต่ไม่น่าจะกลับมาพีคได้เหมือนตอนปี 2563

เว้นแต่มีจุดพลิกที่จะเป็นฟืนสุมไฟให้ม็อบกลับมาได้อีกครั้ง

แสดงความเห็น