“ผบ.ทสส.” ลั่น หากม็อบกระทบ “เอกราช-อธิปไตย” เป็นหน้าที่กองทัพ ปราบกบฏ-จราจล

“ผบ.ทสส.” ย้ำการดูแลการชุมนุมเป็นหน้าที่ ตร. หลังกลุ่ม “ทะลุแก๊ส” เปลี่ยนชื่อเป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท PRA” ย้ำจุดยื่นโค่นล้มการปกครอง ปลดปล่อย อีสาน ล้านนา-ปาตานี ชี้ยังคงเป็นการแสดงความคิดเห็น ลั่นหากกระทบ “เอกราช-อธิปไตย” เป็นหน้าที่กองทัพ ในการ “ปราบกบฏ-จราจล”  ด้าน “บิ๊กปั๊ด” เชื่อไม่ถึงขั้นจลาจล เหตุคนลดลง มั่นใจไม่เป็นอุปสรรคเปิดประเทศ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีกลุ่มทะลุแก๊สได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาคีปฏิวัติประชาชนไท หรือ PRA ที่แสดงจุดยืนโค่นล้มการปกครอง และปลดปล่อยอีสาน ล้านนา และปาตานี จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวใหญ่และรุนแรงหรือไม่ว่า เป็นลักษณะของการแสดงออกภายใต้ข้อกฎหมาย การดำเนินการเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดูตามข้อกฎหมาย แต่ถ้ามีกระบวนการไปกระทบเรื่องความมั่นคง และสุดท้ายปลายทางกระทบเอกราชอธิปไตย ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะดำเนินการ แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็ยังคงเป็นระดับการใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นมากกว่า ซึ่งยังไม่ส่งผล

เมื่อถามว่ากองทัพจะไม่ยุ่งเกี่ยวการชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในส่วนการดูแลเรื่องการชุมนุมเป็นบทบาทของสตช. ในการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของทางการทหาร เราก็มีหน้าที่ของความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งหากสถานการณ์พัฒนา ไปสู่สถานการณ์ที่เริ่มบอกว่าไม่สงบเรียบร้อย ทหารก็ต้องเข้าไปเพื่อดำเนินการ ถ้ายึดถือกันตามหน้าที่แล้วนั้น หน้าที่ทหารก็คือปราบปรามกบฏและจลาจล ถ้ามีกบฏ ถ้ามีจลาจล เป็นหน้าที่ทหาร แต่ถ้ายังไม่ถึง ตำรวจก็ดูแล และถ้าขอบเขตนั้นกว้างขวาง ไม่ถึงกบฏ ไม่ถึงจลาจล ทหารอาจถูกขอให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน

ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สนั้นจะถึงขั้นเกิดจลาจลขึ้นหรือไม่ว่า ตอนนี้ทุกคนก็เห็นภาพว่าเป็นอย่างไร มันยังไม่ถึงขนาดนั้น การจะพูดอะไรคนเราก็พูดได้หมด แต่ขอให้สบายใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่ และเชื่อว่าที่เจ้าหน้าที่ทำมานั้นได้ผล มีประสิทธิภาพ เพราะจะเห็นได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุมลดน้อยลงไปทุกวัน และสามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง กระบวนการทางกฎหมายต้องเดินตามขั้นตอน เราจะไปกระโดดข้ามไม่ได้ จะไปเร่งให้เร็วหรือช้านั้นไม่ได้ ทุกอย่างต้องเดินไปตามนั้น แต่กระบวนการทางกฎหมายไม่เคยหยุด คนที่มีคดีสะสมก็พอกไปเรื่อยๆ ช่วงนี้การไต่สวนคดีต่างๆอาจจะประสบปัญหาเรื่องโควิด-19 และทางศาลก็มีข้อจำกัดเรื่องนี้ แต่อย่าลืมว่ามันไม่จบ เพราะฉะนั้นคนที่จะทำต้องคิดให้ดี โดยเฉพาะการไปชักจูงใจปั่นหัวเยาวชนให้ออกมาใช้ความรุนแรง ซึ่งต้องฝากครอบครัวและผู้ปกครองช่วยดูแล แต่ที่ผ่านมาจะเห็นว่าจำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนช่วงนี้แทบจะไม่มี เพราะเราใช้มาตรการที่เห็นว่าเหมาะสมและสมควรทั้งมาตรการทางกฎหมายและมาตรการการใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ถือว่าเราทำได้ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนที่เขาประกาศว่าจะยกระดับนั้นก็ต้องติดตามสถานการณ์ไป เราประเมินแล้วว่าเป็นไปได้ยากมาก แต่เราก็ไม่ประมาท ใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการต่อ

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่แยกดินแดนจะต้องเคลียร์ให้จบก่อนเปิดประเทศหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ต้องดูว่าความขัดแย้งมาจากเรื่องอะไร ซึ่งต้นเหตุอยู่ตรงนั้น การใช้กำลังปราบปรามจับกุมเป็นเรื่องปลายเหตุ ดังนั้นเราต้องไม่ทำตัวเป็นเงื่อนไข เพื่อให้ขยายตัวมากขึ้น เราต้องทำให้มันเล็กลง แต่จะให้หมด 100% อาจจะค่อนข้างยาก แต่เชื่อว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปิดประเทศ

แสดงความเห็น