ถ้าไม่มี  ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ ปชป.สูญพันธุ์ หมดสภาไปแล้ว

รุมยี้ ‘เสี่ยต่อ’ เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กันตรึม

ถึงขั้นหลายคนยื่นใบลาออกเพราะ ‘รับไม่ได้’ กับ ‘แม่ทัพ’ คนใหม่

ทำตัวประหนึ่งว่า รังเกียจ ‘เสี่ยต่อ’ กันนักหนา แถมปรามาสว่า จะทำให้ ‘ประชาธิปัตย์’ อวสาน

ทั้งๆ ที่ ‘เสี่ยต่อ’ ไม่ได้เป็นคนหน้าใหม่ในค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมแต่อย่างใด อยู่กับพรรคมาตั้งแต่ปี 2544 มากกว่า ‘มาดามเดียร์’ วทันยา บุนนาค คู่แข่งเป็นสิบๆ ปีเสียด้วยซ้ำ

คนภายนอก ไม่รู้เส้นสนกลในใน ‘ค่ายสีฟ้า’ ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่า ‘เสี่ยต่อ’ เป็นใคร พากันหยามเหยียด 

แต่กลับหารู้ไม่ว่า ‘เสี่ยต่อ’ นี่แหละคือ คนที่ยังไม่ทำให้ ‘ประชาธิปัตย์’ สูญพันธุ์

ว่ากันตรงๆ การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ ขณะเป็นเลขาธิการพรรค เผลอๆ ‘ประชาธิปัตย์’ จะเป็นเพียงแค่พรรคต่ำสิบ

จะหวังพึ่งใบบุญ ‘ชวน หลีกภัย’ หรือ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ 2 อดีตหัวหน้าพรรค 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่า ‘บุญเก่า’ มันเหลือน้อยแล้ว

หากจะโทษที่พรรคตกต่ำทุกวันนี้ ต้องโทษตั้งแต่ที่มีส่วนร่วมทำให้เกิด ‘รัฐประหาร’ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 และต้องโทษ ‘อภิสิทธิ์’ นั่นแหละที่ประกาศไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

ของมันพิสูจน์กันได้ว่า จริงหรือไม่จริง จะเห็นว่า ตั้งแต่ ‘อภิสิทธิ์’ ประกาศไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ ตอนปี 2562 แพ้ให้ทั้ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ แพ้ให้ทั้ง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ 

สส. 20 กว่าชีวิตที่เหลือมาได้ในยุคปัจจุบัน กระสุนดินดำของ ‘เสี่ยต่อ’ และก๊วนนักการเมืองที่คนภายนอกเย้ยหยันกันทั้งนั้นว่า เป็น ‘สีเทา’ 

‘เสี่ยต่อ’ ไม่ใช่นักการเมืองเน้น ‘ภาพลักษณ์’ แต่ถนัด ‘งานเบื้องหลัง’

ถ้า ‘เสี่ยต่อ’ น่ารังเกียจขนาดนั้น ทำไมสมาชิกพรรคแห่กันโหวตให้เป็น ‘แม่ทัพ’ คนใหม่

อย่าบอกว่า อำนาจกระสุนดินดำ เพราะแค่นั้นมันไม่พอ ให้เหล่าสมาชิกส่วนใหญ่งัดกับผู้มากบารมีในพรรคหลายคน

ถ้า ‘เสี่ยต่อ’ จะถูกค่อนแคะ เรื่องเดียวคือ ‘ตระบัดสัตย์’ ที่เคยลั่นวาจาว่า ถ้าได้ สส.ต่ำกว่า 50 ชีวิต จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต

แต่ถามว่า ถ้า ‘เสี่ยต่อ’ ไม่เอา ‘ประชาธิปัตย์’ ก็ค้างเติ่งเลือกหัวหน้าคนใหม่กันไม่ได้สักที

แต่เพราะทุกคนเห็นว่า สถานการณ์แบบนี้ คนที่จะประคองพรรคได้มีแค่ ‘เสี่ยต่อ’ แห่งประจวบคีรีขันธ์เท่านั้น

แน่นอนว่า อาจจะทำให้พรรคยิ่งใหญ่เหมือนวันวานไม่ได้ แต่สามารถประคองให้พรรคยังมีตัวตนและลมหายใจอยู่ได้

อย่าลืมว่า ‘ประชาธิปัตย์’ วันนี้มันเละตุ้มเป๊ะขนาดไหน 

คนที่ลาๆ ออกไป ก็ต้องถูกตั้งคำถามเหมือนกัน ปากบอกว่า ตัวเองเป็นประชาธิปไตย เป็นสถาบันการเมืองมาตลอด แต่กลับไม่ยอมรับกติกาของตัวเอง

ทั้งที่กติกาที่ใช้ก็อันเดียวกับที่เลือก ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ ในคราวก่อน

สรุปแล้วที่แห่กันลาออก ‘รับไม่ได้’ แค่ตัวบุคคล แต่ไม่ได้สนกติกาประชาธิปไตย ‘เสียงข้างมาก’

วันที่พรรคตกต่ำกลับทิ้งกันหมด แทนที่จะช่วยกันอยู่ซ่อมแซมให้ดีขึ้น แบบนั้นเรียกว่า ‘เอาตัวรอด’

หรือเป็นพวกไม่ยอมรับความจริงว่า วันนี้ตัวเองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

‘ประชาธิปัตย์’ ต้องยอมรับความจริงให้ได้ เพื่อปรับปรุงพรรคให้ถูกทาง แต่ถ้ายังยึดติดวันวาน เลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นคำตอบแล้วว่า มันถูกหรือไม่

‘เสี่ยต่อ’ คงทำพรรคให้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เหมือนก่อนก็จริง แต่ทรงนี้ยังมีตัวตนทางการเมืองต่อ

แสดงความเห็น