ชัดเจน-กล้าพูด เรตติ้ง ‘พิธา-ก้าวไกล’ พุ่ง 

ผลสำรวจของ ‘นิด้าโพล’ เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน แม้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะยังคงนำเป็นอันดับ 1 เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เสียงระฆังเลือกตั้งยังไม่ดัง

แต่ไม่อาจไว้วางใจได้ ในเมื่อความนิยมอันดับสอง ตกเป็นของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ไม่ว่าสำรวจกี่ครั้ง โพลดีวันดีคืน

อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มุ่งหวังแค่ชัยชนะอย่างเดียว แต่ต้องเป็นชัยชนะแบบ ‘แลนด์สไลด์’ แบบถล่มทลาย เพื่อฝ่าด่าน ส.ว. 250 เสียง

การที่ ‘พิธา’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ มีกระแสที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยหดหายลงไปด้วย เพราะ ‘ฐานคะแนน’ ของทั้งสองพรรค อยู่ใน ‘บ่อเดียวกัน’

ยิ่งพรรคก้าวไกลได้มากเท่าไหร่ คะแนนของพรรคเพื่อไทยจะวิ่งสวนทางกันไป

ฉะนั้น คู่แข่งที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ทั้ง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ทั้ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ของ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค

แต่คือ ‘พรรคก้าวไกล’ กัลยาณมิตรจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งที่แล้ว ขณะที่ฐานคะแนนของทั้งสองพรรคที่ว่า มาจากฝ่าย ‘อนุรักษ์นิยม’ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว

ในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา อาจดูทั้งสองพรรครักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่ภายใต้รอยยิ้มทั้งคู่ต่างมองกันและกันเป็น ‘คู่แข่ง’ ในสนามเลือกตั้ง

ข่าวลือการจับมือกันระหว่าง ‘พรรคเพื่อไทย’ กับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ไม่ได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับพรรคสีส้มแต่อย่างใด บางครั้งพวกเขาอาจดูชอบใจเสียด้วยซ้ำ

เพราะมันทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยสุดโต่ง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มสามนิ้ว หันไปไว้วางใจ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่กล้าชัดเจนในเรื่องนี้ว่า จะไม่ร่วมกับทั้ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ทั้ง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’

และหากพรรคก้าวไกลหวังจะใช้การแลนด์สไลด์กำราบ ส.ว.จริง คงไม่แข่งกันเข้มข้นในสนามเลือกตั้งแบบนี้

อีกสาเหตุที่ทำให้ ‘พิธา’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ ร้อนแรงในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก ‘เวทีดีเบต’ 

พวกเขาใช้โมเดลเดียวกับ ‘พรรคอนาคตใหม่’ เมื่อปี 2562 คือ การส่ง ‘ตัวตึง’ ที่ฝีปากและข้อมูลจัดจ้านไปประชันในทุกเวที 

‘ตัวตึง’ ของพรรคก้าวไกลทุกคนที่ถูกส่งไป เป็นพวกกล้าพูดในสิ่งที่พรรคอื่นไม่กล้าพูด ซึ่งมันถูกจริตกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก

พรรคอื่นเสนอนโยบายขายฝัน ในขณะที่พรรคก้าวไกลมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบ มันทำให้พวกเขาดูดีในสายตาของแฟนคลับ

พรรคก้าวไกลรู้ตัวดีว่า สงครามที่ตัวเองกำลังทำเป็น ‘สงครามระยะยาว’ ไม่ได้หวังว่า ตัวเองจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลในทันทีในครั้งนี้ 

แรงกดดันของพวกเขาต่างกับของ ‘พรรคเพื่อไทย’

ฉะนั้น จึงไม่ได้สนใจว่า พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์เพื่อไปปราบ ส.ว. แต่มุ่งมั่นที่จะเอาคะแนนให้ได้มากที่สุด ต่อให้ต้องแข่งกันเองก็ตาม

คู่แข่งที่น่ากลัวของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ในนาทีนี้จึงไม่ใช่ทั้ง ‘บิ๊กตู่’ และ ‘บิ๊กป้อม’ แต่คือ ‘พรรคก้าวไกล’

แสดงความเห็น