“บิ๊กตู่”ลงปาร์ตี้ลิสต์ หมากนี้ “รทสช.”ไม่ธรรมดา 

ถอดรหัสการเมือง การที่ “บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ” ตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบ “ปาร์ตี้ลิสต์-บัญชีรายชื่อ”ของรวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)  ควบคู่ไปกับ การลงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ส่งซิกการเมืองดังกล่าว ผ่าน “ดร.สามสี ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แกนนำรวมไทยสร้างชาติ” ที่ไปประกาศในงานเสวนาการเมืองที่จัดโดยสื่อแห่งหนึ่งเมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา 

โดยดร.ไตรรงค์ ระบุว่า ได้สอบถามว่าการเล่นการเมืองครั้งนี้ จะทำเหมือนกับตอนพลังประชารัฐหรือไม่ ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรใดๆ เลย โดยพลเอกประยุทธ์ตอบกลับมาว่า “ผมลงสมัครส.ส.แน่นอนพี่ คราวนี้” 

และต่อมามีข่าวออกมาในวันเดียวกันว่า รทสช.วางอันดับ ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เคาะไว้แล้วแน่นอนลงตัวสองชื่อ คือ บิ๊กตู่ เบอร์แรก ตามด้วย เดอะตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เบอร์สอง สำทับด้วยการที่ พรรครทสช. ตั้ง “คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค” ที่เป็นเหมือน “โปลิตบูโร-รทสช.”ที่มีอำนาจในการตัดสินใจทางการเมืองเรื่องสำคัญๆ ไม่แพ้ กรรมการบริหารพรรค โดยมี พลเอกประยุทธ์ เป็นประธาน 

โดยมีกรรมการประกอบด้วยแกนนำพรรครทสช.ทั้งสิ้น คือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายวิทยา แก้วภราดัย นายสุชาติ ชมกลิ่น นายชัชวาลล์ คงอุดม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายอนุชา บูรพชัยศรี นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร เพื่อทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคไปดำเนินการ โดยการดำเนินการของกรรมการบริหารพรรคนั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคก่อนทุกครั้ง

ทั้งหมดแสดงให้เห็นแล้วว่า การลงเล่นการเมืองรอบนี้ของพลเอกประยุทธ์ “เอาจริง-ปักหลักยาว” ทางการเมืองเพราะนี้เหมือนกับประกาศให้ คนในพรรค-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของรทสช.ที่จะลงทำศึกเลือกตั้ง ได้รับรู้และมีความมั่นใจว่า พลเอกประยุทธ์ ปักหลักทำการเมืองยาว โดยไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน รทสช.จะได้ส.ส.กี่คน พรรคจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ บิ๊กตู่ ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างกับคนในพรรคแบบยาวๆ 

และที่สำคัญ หากหลังเลือกตั้ง ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ และหากไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล ยังไง คนในพรรคและการเมือง ในสภาฯ ก็จะได้เห็น พลเอกประยุทธ์ อยู่ในการเมืองต่อ ด้วยการเป็นส.ส.หลังเลือกตั้งต่อไป เว้นเสียแต่ พลเอกประยุทธ์ จะถอดใจ ลาออกจากส.ส.หลังเลือกตั้ง หากไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ดูแล้ว พลเอกประยุทธ์ คงไม่น่าทำเช่นนั้น หรือหากทำ ก็คงไม่ทำทันทีหลังเลือกตั้ง เพราะไม่เช่นนั้น รทสช.ได้เกิดอาการระส่ำแน่นอน 

แต่หากว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีจริง ก็จะทำให้ เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและส.ส.ในคราวเดียวกัน เรียกได้ว่า เป็นการเข้าสู่ถนนการเมือง ที่สง่างาม กว่าตอนเป็นนายกฯรอบนี้แน่นอน เพราะถือว่าเข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยเต็มตัวมากขึ้น เพราะเป็นทั้งสมาชิกพรรครทสช.-นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและยังเป็นส.ส. 

ที่สำคัญเลย หากพลเอกประยุทธ์ ได้กลับมาเป็นนายกฯจริงหลังเลือกตั้ง โดยหากบริหารประเทศไปสองปี จนครบวาระการเป็นนายกรัฐมนตรีแปดปี โดยที่ตอนนั้น ถ้าพลเอกประยุทธ์ ยังเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช.อยู่ ตัว พลเอกประยุทธ์ ก็ยังเป็นส.ส.ในสภาฯ ได้อีกต่อไป เรียกได้ว่า อยู่ในการเมืองไปยาวๆ 

หากทุกอย่างออกมาตามนี้ พลเอกประยุทธ์ ไม่เปลี่ยนใจ ลุยแน่ ลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช. ซึ่งดูแล้ว รทสช.ยังไง โอกาสได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หลังเลือกตั้ง ที่มีการประเมินกันว่า ตัวเลขคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งคน ที่คิดจากสถิติที่การเลือกตั้งแต่ละครั้ง จะมีคนออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 70-75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรอบนี้ ก็เท่ากับจะอยู่ที่ประมาณ 370,000-380,000 คะแนนต่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งคน ประเมินแล้ว มีโอกาสสูงที่ พรรค รทสช.ได้เก้าอี้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แน่นอน ขั้นต่ำ ก็น่าจะไม่น้อยกว่า  6-7 คน  ทำให้ บิ๊กตู่ ได้เป็นส.ส.หลังเลือกตั้งแน่ 

ในทางการเมือง การตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ครั้งนี้ เห็นได้เลยว่า มันมีผลบวกทางการเมืองกับรทสช.อย่างมาก

เห็นกันง่ายๆ มันทำให้ คนในพรรค-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค -นายทุนพรรค -ผู้สนับสนุนพรรค-แฟนคลับพรรคและแฟนคลับพลเอกประยุทธ์ เกิดความรู้สึกว่า พลเอกประยุทธ์ เอาจริงทางการเมือง พร้อมจะลุยเต็มตัว แบบเอาไงเอากันกับคนในพรรค ทำให้คนในพรรคเกิดความฮึกเหิม มีกำลังใจ พรวดๆขึ้นมาแน่นอน ที่บิ๊กตู่ จะมาร่วมหัวจมท้ายกับรทสช. ไม่ใช่มาแค่ เอาชื่อมาให้พรรคส่งลงแคนดิเดตนายกฯ ที่หากไม่ได้เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง ก็จะเปิดหมวกอำลา เพราะยังไง หากไม่ได้เป็นนายกฯ พลเอกประยุทธ์ ก็ยังเป็นส.ส.อยู่ มันทำให้ คนในพรรครทสช.  เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับ บิ๊กตู่

ขณะเดียวกัน นายทุน-กลุ่มทุนที่จะมาสนับสนุนพรรครทสช. ก็จะเกิดความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการจะมาหนุนรทสช.สู้ศึกเลือกตั้ง เมื่อเห็นว่าพลเอกประยุทธ์เอาจริงและลงมาลุยการเมืองเต็มตัวมากขึ้น ไม่ใช่มาเป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ ที่ดูขาลอยเกินไป 

ที่สำคัญที่สุดเลยคือ มันจะทำให้ ประชาชน ที่เป็นกองเชียร์ฝ่ายรัฐบาล และฝ่าย พลเอกประยุทธ์และรทสช. พร้อมที่จะกาเลือก รทสช. ในบัตรปาร์ตี้ลิสต์ มากขึ้นแน่นอน เพื่อต้องการให้พลเอกประยุทธ์ได้เป็นส.ส.หลังเลือกตั้ง ผลที่ตามมาคือ ทำให้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของรทสช. จะพุ่งพรวดขึ้นมามากกว่าหากไม่มีชื่อพลเอกประยุทธ์ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ 

เรียกได้ว่า ไพ่ใบนี้ ของรทสช.และบิ๊กตู่ ไม่ธรรมดา และจะมีผลสะเทือนต่อพรรคการเมืองที่อยู่ในปีกเดียวกัน มากพอสมควร

ตัวอย่างเช่น ในกรุงเทพมหานครหรือภาคใต้ ที่คะแนนนิยมของพลเอกประยุทธ์ค่อนข้างดี  ก็อาจทำให้ คนกทม.หรือคนภาคใต้ จำนวนไม่น้อย ที่อาจชอบผู้สมัครส.ส.เขต ของ ประชาธิปัตย์ ก็อาจเลือกประชาธิปัตย์ไป  เพราะมองว่า ผู้สมัครส.ส. ดีกว่าคนของรทสช. แต่สำหรับบัตรปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะมาเลือกรทสช.แบบตัดสินใจได้ไม่ยาก เพราะเชียร์พลเอกประยุทธ์มากกว่า เพราะยังไง หากให้เปรียบเทียบระหว่าง พลเอกประยุทธ์ ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของรทสช. กับจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่คาดว่าจะเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของประชาธิปัตย์ คนก็ต้องเลือกรทสช.และพลเอกประยุทธ์มากกว่าอยู่แล้ว เผลอๆ ไม่แน่ ก็อาจเลือกทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ สองใบเทใจให้รทสช.และบิ๊กตู่ ก็เป็นไปได้เช่นกัน ที่เชื่อว่าคงมีไม่น้อยที่คิดแบบนี้ ที่เป็นหมากของรทสช.ที่หวังคะแนนทั้งสองบัตร จนทำให้ รทสช. ได้ส.ส.เข้าสภาฯ เกินเป้าที่วางไว้ เช่นเบียดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับสาม หลังเลือกตั้ง รองจาก เพื่อไทยและภูมิใจไทย จนทำให้ทำให้ พลเอกประยุทธ์มีลุ้น กลับมาเป็นนายกฯรอบสองได้ 

แต่สุดท้าย รทสช.จะทำได้หรือไม่ รอดูผลเลือกตั้งกันอีกที แต่ข่าวว่า รทสช.ก็ยังมี ไพ่เด็ดๆทางการเมืองอีกหลายใบ รอทิ้งออกมาเรื่อยๆ คงไม่หมดแค่ พลเอกประยุทธ์ จะมาลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และเข้ามาเป็นประธานทีมยุทธศาสตร์พรรคเท่านั้น 

แสดงความเห็น