เบื้องหลัง “บิ๊กตู่” สมัครเข้า รทสช. จันทร์ 9 ม.ค. 

จุดสนใจเรื่องหนึ่งในการสวิงออกจาก “พลังประชารัฐ” ไปยัง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ของบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่นก็คือ พลเอกประยุทธ์ จะเข้ามาเป็น “นักการเมืองเต็มตัว” ด้วยการเป็นสมาชิกพรรค หรือมีตำแหน่งการเมืองในพรรค รวมไทยสร้างชาติ หรือไม่?  หรือจะเล่นการเมืองแบบ “ลอยตัว”อย่างที่ผ่านมาร่วมสี่ปี กับพลังประชารัฐ ที่ขอเป็นแค่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ยอมร่วมสังฆกรรมการเมืองใดๆกับพลังประชารัฐ แม้แต่กับการเป็นสมาชิกพรรค หรือการมีตำแหน่งใดๆในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอย่างเป็นทางการหรือตำแหน่งในพรรค ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เช่น ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ อย่างที่คนในพรรคพลังประชารัฐเรียกร้องมาตลอดก่อนหน้านี้ แต่พลเอกประยุทธ์ก็ทำเฉย 

โดยสาเหตุคงเพราะ พลเอกประยุทธ์ ต้องการลอยตัว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองแบบเต็มตัว และมองว่า พลเอกประวิตร พี่ใหญ่ 3 ป. ก็กุมสภาพในพลังประชารัฐไว้ได้ดีแล้ว ตัวบิ๊กตู่เลยเลือกที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์การเมืองใดๆกับพลังประชารัฐ แบบเป็นทางการมากนัก 

ทำให้ บิ๊กตู่กับพลังประชารัฐ ในช่วงที่ผ่านมา จึงมีระยะห่างทางการเมืองกันมาก ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ส.พลังประชารัฐ คนในพลังประชารัฐ กับพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้แนบสนิทใกล้ชิดกันเท่าไหร่นัก

ยกเว้นแค่บางกลุ่มบางคน เท่านั้น โดยเฉพาะพวกส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีของพลังประชารัฐ ที่จะติดสอยห้อยตามรัฐมนตรีไปงานต่างๆที่เจอกับพลเอกประยุทธ์ จึงทำให้พอรู้จักกันบ้าง แต่ก็มีส.ส.พลังประชารัฐ หลายสิบคน ที่พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นส.ส.จังหวัดไหน ทั้งที่บางคนเป็นส.ส.มาแล้ว 2-3 สมัย 

จนมีเสียงร่ำลือกันว่า ส.ส.พลังประชารัฐหลายคน เวลาเจอพลเอกประยุทธ์ที่รัฐสภา เข้าไปคุยด้วยหรือไปขอถ่ายรูปด้วย พอเจอพลเอกประยุทธ์ถามว่า เป็นส.ส.จากพรรคไหน จังหวัดใด ทำเอาส.ส.พลังประชารัฐหลายคน เสียความรู้สึกไปก็มาก 

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลก ที่ส.ส.พลังประชารัฐส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยผูกพันกับพลเอกประยุทธ์มากนัก จนไม่คิดจะย้ายตามออกไปอยู่กับพลเอกประยุทธ์ที่รวมไทยสร้างชาติ

ช่องว่าง-ระยะห่าง ทางการเมืองดังกล่าว ในช่วงเกือบสี่ปี ที่ผ่านมา เข้าใจได้ว่า พลเอกประยุทธ์ คงเห็นจุดนี้และเริ่มเข้าใจแล้วว่า “มนุษย์การเมือง” แตกต่างจาก “ทหาร” 

ดังนั้นเมื่อวันนี้ พลเอกประยุทธ์  จะต้องออกไปร่วมหัวจมท้ายกับรวมไทยสร้างชาติ ที่ตัวเองคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง พลเอกประยุทธ์ จะขาลอย -ลอยตัวแบบเดิมไม่ได้  พลเอกประยุทธ์จะต้อง เล่นบทบาทนักการเมืองเต็มตัว 

ยิ่งสเกลของรวมไทยสร้างชาติ ในความเป็นพรรคใหม่ คนเพิ่งรู้จักได้ยินชื่อในช่วงไม่กี่เดือน ที่ผ่านมา และคนที่จะลาออกจากพรรคเดิม เช่น พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์  มาอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ หลายคน ก็ยอมเสี่ยง ที่จะเข้ามา 

ดังนั้น สิ่งที่คนในพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการก็คือ การได้เห็น บิ๊กตู่ ลงมาลุยเต็มตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่ลอยตัวแบบสมัยอยู่กับพลังประชารัฐ เพื่อทำให้ คนที่จะมาร่วมหัวจมท้ายกับพรรค -นายทุนที่จะเข้ามาจ่ายเงินให้พรรคในการเลือกตั้ง มีความมั่นใจว่า พลเอกประยุทธ์ เอาจริง ลุยเต็มที่ เอาไงเอากัน เพราะหลายคน ก็ยอมเสี่ยง ที่จะออกมาจากพรรคเดิม ดังนั้น ถ้าพลเอกประยุทธ์ เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีตำแหน่งในพรรค เช่น ประธานพรรค -ประธานยุทธศาสตร์พรรค มันก็ “ซื้อใจ-เรียกความเชื่อมั่น”กับคนในพรรคเวลานี้และคนที่กำลังจะตามเข้ามา ได้อย่างมากแน่นอน 

ด้วยเหตุผลข้างต้นทั้งหมด จึงทำให้ พลเอกประยุทธ์ จะลอยตัวทางการเมืองแบบสมัยอยู่พลังประชารัฐไม่ได้ 

ผนวกกับ การที่พลเอกประยุทธ์ ถ้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ทำให้ พลเอกประยุทธ์ สามารถขยับทางการเมืองกับคนในพรรค ได้เต็มที่ เช่น ไปร่วมประชุมพูดคุยกับผู้บริหารพรรค-ผู้สมัครส.ส.ของพรรค วางแผนการเลือกตั้ง  หลังเวลาราชการ ก็ทำได้เลย  ไม่เสี่ยงโดนฝ่ายตรงข้ามร้องกกต.ว่า “ครอบงำพรรค-แทรกแซง ยุ่งเกี่ยวกับพรรค” ตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ 

ทั้งหมดข้างต้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ บิ๊กตู่ ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และคาดว่าจะมีตำแหน่งในพรรคตามมา แต่อาจเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ แต่เป็นตำแหน่งลอยๆ ที่หลายพรรคมักทำกัน เช่น ประธานพรรค-ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เป็นต้น 

ต้องติดตามกันว่า นัดหมายการเมืองที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า พลเอกประยุทธ์ จะสมัคร เป็นสมาชิกพรรค รวมไทยสร้างชาติ ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ที่จะมีการเปิดตัวกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 17.00 น. ในวันดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จะแสดงท่าทีทางการเมืองอย่างไร หลัง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว 

ท่ามกลางเสียงกอสซิปทางการเมือง ว่าสาเหตุหนึ่งที่พลเอกประยุทธ์เลือกเปิดตัวสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 มกราคม เพราะมีการไปดูฤกษ์ ส่องดวงชะตาราศี มาแล้วว่า การเปิดตัววันดังกล่าว ที่เลขสวย เวลาเหมาะสม  คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพลเอกประยุทธ์ในเดือนนี้ ที่หากเปิดตัววันดังกล่าว ทำให้มีโอกาส ได้ลุ้นกลับมาเป็นนายกฯรอบสามหลังเลือกตั้งได้มากที่สุด 

สอดรับกับที่ก่อนหน้านี้ “ซินแสเข่ง ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์แห่งประเทศไทย” ให้สัมภาษณ์สื่อบางสำนักว่า วันจันทร์ที่ 9 เป็นวันที่ดี เดือนมกราคม ถือเป็นเดือนที่ยังเกื้อกูล สนับสนุนในดวงชะตาของพลเอกประยุทธ์ ที่มีโอกาสที่จะสร้างความมั่นคงให้กับหน้าที่ตำแหน่งและการงาน แต่ยังไม่ได้ฤกษ์ยามที่ดี 100% เพราะช่วงที่ดีที่สุด คือเดือนกุมภาพันธ์ ที่หากไปเปิดตัวช่วงนั้น นายกรัฐมนตรีจะได้เสริมดวงชะตา 100% 

อย่างไรก็ตาม ตัวพลเอกประยุทธ์และทีมงานการเมืองในพรรครวมไทยสร้างชาติ คงพิจารณาแล้วเห็นว่า คงรอไปถึงเดือนกุมภาพันธุ์ไม่ไหว เพราะอาจช้าเกินไปในการวางแผนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ยิ่งหากนายกฯตัดสินใจยุบสภาฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แล้วต้องยุบสภาช่วงหลังสงกรานต์ ก็เท่ากับจะมีเวลาเตรียมการไม่ถึงสองเดือน ในการสร้างภาพจำและการรับรู้ของประชาชนว่า รวมไทยสร้างชาติคือ “พรรคลุงตู่”

การเลือกเปิดตัวเร็ว จึงน่าจะมีผลดีกว่าในทางการเมือง ทำให้จึงเคาะเอาวันที่ 9 ม.ค.นี้คือวันดีเดย์ดังกล่าว จากนั้น พลเอกประยุทธ์และพลพรรค ในรวมไทยสร้างชาติ ค่อยไปรอลุ้นเอาว่า เปิดตัวเข้าพรรควันดังกล่าว แล้ว 

กระแสพรรค จะปังหรือจะแป๊ก ก็ให้มันรู้กันไป!

แสดงความเห็น