“พี่ป้อม” ลุยแล้วไม่รอ “ตู่”จัดทีมยุทธศาสตร์-แต่ไร้บิ๊กเนม!  

ยังพลิกไปพลิกมาได้ตลอด กับเรื่องที่ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไป “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หรือไม่?

เพราะจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระแสการเมืองเทน้ำหนักไปที่ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ มาแน่ จนทำเอา รวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นพรรคเนื้อหอมในตลาดการเมืองขึ้นมาทันที 

ทว่า ผ่านมาได้แค่ไม่กี่วัน พอมาถึงกลางสัปดาห์นี้ กระแสข่าวนี้ เริ่มไม่แน่ เกิดอาการ สวิงไปมา !

เพราะมีข่าวออกมาจากทั้งทำเนียบรัฐบาล –ตึกที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ว่า 3 ป. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เคลียร์ใจกับ พลเอกประยุทธ์แล้วว่าขอให้ บิ๊กตู่ อยู่ที่พลังประชารัฐต่อไป ส่วนรวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่เป็นไร ก็ให้เป็นพรรคพันธมิตรกับพลังประชารัฐ

โดยมีข่าวทำนองว่า พลเอกประยุทธ์ เริ่มเห็นคล้อยตาม หลังพิจารณาหลายปัจจัยเช่น ประเมินแล้ว ต่อให้ รวมไทยสร้างชาติ กระแสดียังไง ให้เต็มที่ ก็ไม่น่าจะได้เกิน 50 เสียง ที่ก็จะได้ส.ส.น้อยกว่า ทั้งภูมิใจไทยและอาจรวมถึง พลังประชารัฐ จนสุดท้าย กลายเป็นแค่พรรคขนาดกลาง ไม่ใช่พรรคหลัก 

ทำให้ มีข่าวลอยออกมาจาก พลังประชารัฐ ว่า มั่นใจ พลเอกประยุทธ์ ไม่ไปรวมไทยสร้างชาติแน่นอน 

นี้คือ กระแสล่าสุดทางการเมือง ในช่วงสัปดาห์นี้ ที่สวิงไปสวิงมา จนยากต่อการฟันธงได้ว่า พลเอกประยุทธ์จะไปรวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ เรื่องนี้ จึงยังคงต้องติดตามต่อไป 

หลังก่อนหน้านี้ แวดวงการเมือง เทน้ำหนักไปในทางว่า พลเอกประยุทธ์ น่าจะเดินแยกทางกับ พี่ป้อม พลเอกประวิตร หลังมีหลายปัจจัยบ่งชี้ เช่น การที่พลเอกประยุทธ์ ตั้ง “ดร.สามสี ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ซึ่งดร.ไตรรงค์ ก็ชัดเจนว่าลาออกจากประชาธิปัตย์หลังอยู่มา 38 ปี เพื่อที่จะมาใช้ชีวิตบั้นปลายการเมืองกับอดีตน้องๆ คนประชาธิปัตย์ด้วยกัน พร้อมกับลูกสาว เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี ที่มาช่วยงานพรรคหลังฉากนานแล้ว

เลยทำให้มีการเชื่อมกันว่า แบบนี้ พลเอกประยุทธ์ มารวมไทยสร้างชาติแน่ เพราะมีคนของรวมไทยสร้างชาติถึงสองคน คือ ดร.ไตรรงค์ กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่มานั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งคู่  

และยังมีอีกหลายบริบทที่ทำให้ คนเชื่อว่า บิ๊กตู่ มารวมไทยสร้างชาติแน่ เช่น ท่าทีของแกนนำพลังประชารัฐบางคน ที่มีข่าวว่าจะออกจากพลังประชารัฐมาที่รวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับพลเอกประยุทธ์ มีคนมองว่า แกนนำที่มีชื่อตามโผ ช่วงหลัง ห่างเหินกับพลังประชารัฐ มากขึ้น อาทิ “สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและผอ.พลังประชารัฐ” ที่ระยะหลัง เข้าบ้านป่ารอยต่อฯ ของบิ๊กป้อม น้อยลง จากเดิมมาวันละสามเวลา หากไม่ติดภารกิจอย่างอื่น แล้วยังมีกรณี ท่าทีแบบตึงๆ ใส่กันของ “พี่ป้อม-น้องตู่” ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งช่วงหลัง 

ทั้งหมด ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสการเมืองแรงมากว่า พลเอกประยุทธ์มาที่รวมไทยสร้างชาติแน่นอน 

อีกทั้งคนในพรรคบางส่วน ทั้งพีระพันธุ์-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ต่างให้สัมภาษณ์แบบ เปิดประตูต้อนรับบิ๊กตู่เต็มที่ ไม่มีกั๊ก จากเดิมที่ทั้งสองคน แบ่งรับแบ่งสู้ ออกลีลากั๊กมาตลอด 

ท่ามกลางข่าวว่า มีส.ส.ทั้งพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ ที่สนใจจะย้ายพรรคมาที่รวมไทยสร้างชาติ มีการต่อสายพูดคุยกับแกนนำพรรคหลายคน อาทิเช่น เอกนัฏ  เป็นการส่วนตัว เพื่อเช็คข่าวว่า “ลุงตู่ มาแน่หรือไม่” ปลายสายที่ตอบมา ก็คือ “มาอยู่แล้ว เกินเก้าสิบเปอร์เซนต์แล้ว” 

ยิ่งเมื่อมีข่าวว่า นักการเมืองหลายคน เตรียมจะเข้ามาทำงานช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากนี้ เช่น “สกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯกทม.” ที่ข่าวว่า อาจจะมาช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติในช่วงต้นปีหน้า ก็ยิ่งทำให้คนต่อจิ๊กซอว์กันไปในทางเดียวกันว่า  ลุงตู่มาแน่ เพราะ แม้ สกลธี จะเป็นอดีตแกนนำกปปส. ที่เอ็นดู ขิง เอกนัฏแบบน้องชาย สมัยอยู่กปปส.และประชาธิปัตย์ แต่ข่าวว่า สกลธี คือคนที่ บิ๊กตู่ ไปประสานมาว่าขอให้มาช่วยงานที่รวมไทยสร้างชาติ ทำพื้นที่กทม. 

แล้วแบบนี้ มีหรือ คนจะไม่เชื่อว่า บิ๊กตู่ มารวมไทยสร้างชาติ 

อย่างไรก็ตาม ข่าวล่าสุด สดๆร้อนๆ ถึงตอนนี้  ต้องบอกว่า สถานการณ์เริ่มไม่นิ่ง มีโอกาสเช่นกันที่พลเอกประยุทธ์ จะเล่นการเมืองต่อกับค่ายพลังประชารัฐ ไม่ไปที่รวมไทยสร้างชาติ เสียแล้ว แต่ความชัดเจนตรงนี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงหลัง 30 พ.ย. ที่จบเรื่องประชุมเอเปคและรู้ผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคำร้อง เรื่อร่างพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.สูตร 100 หารปาร์ตี้ลิสต์ที่ศาลนัดชี้ชะตา 30 พ.ย.นี้  

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ที่ทิศทางของบิ๊กตู่-พลังประชารัฐ ยังอึมครึม มันก็ทำให้ แกนนำพลังประชารัฐ รู้ดีว่า 

จะมัวแต่มารอคำตอบ บิ๊กตู่ จะอยู่หรือไป จากพลังประชารัฐ ไม่ได้แล้ว เพราะพรรคอื่น ขยับกันไปเยอะ แต่ที่ผ่านมา พลังประชารัฐ แทบไม่ได้ขยับอะไร ทั้งในเชิง

“พื้นที่-นโยบาย-ยุทธศาสตร์เลือกตั้ง”

โดยข่าวว่า แกนนำพลังประชารัฐ ให้ข้อมูลหลายๆครั้ง กรอกหู ลุงป้อมว่า พลังประชารัฐต้องรีบขยับแล้ว ไม่ใช่มัวแต่จะรอบิ๊กตู่ แล้วไม่คิดทำอะไร ที่ปรากฏว่า ได้ผล ลุงป้อม แอ็คทีฟ ขยับทันที แม้จะช้ากว่าพรรคอื่น 

เห็นได้ชัด พยายาม จัดทัพ ปรับทัพ รีแบนด์พรรค ให้มีความเป็นพรรคเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น มีการจัดวางขุนพลพรรคในกลุ่มงานต่างๆ เพื่อให้รีบไปรันงานเตรียมการเลือกตั้ง 

จนเป็นที่มาของการที่เมื่อต้นสัปดาห์ พล.อ.ประวิตร ออกมาย้ำว่า พลังประชารัฐ วางสามพันธกิจ ที่จะขับเคลื่อนและสานต่อ หลังจากนี้ ภายใต้สามเสาหลักคือ “สวัสดิการประชารัฐ –สังคมประชารัฐ-เศรษฐกิจประชารัฐ” 

และมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยคนในพรรค ที่เป็นส.ส.สายวิชาการ สายยุทธศาสตร์และสายเลือกตั้ง  อาทิ “ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค” ที่จะเป็นกัปตันทีมในภารกิจนี้ โดยมีกรรมการคนอื่นๆ อีกเช่น ดร.พรชัย ตระกูลวรานนท์  ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ -ชวน ชูจันทร์ จากภาคเศรษฐกิจฐานราก -ดร.สุรดา จุนทะสุตธนกุล อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต -ดร.ปรมะ บุญเขื่อง ผู้อำนวยการมูลนิธิและผู้อำนวยการโครงการสอนคณิตศาสตร์  มูลนิธิศักดิ์พรทรัพย์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้ตั้งคณะกรรมการแยกตาม พันธกิจหลักของพรรค สามชุด คือคณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ-คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ -คณะกรรมการขับเคลื่อนสังคมประชารัฐ ที่ส่วนใหญ่ก็คือ ส.ส.พลังประชารัฐ ทั้งส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ และคนนอก ที่เริ่มเข้ามาช่วยงานพรรค แต่ยังไม่ดังมากในแวดวงเศรษฐกิจการเมือง โดยในจำนวนนี้มีสองคนที่มาจากไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ คือ เกณิกา อุ่นจิตร์หรือดร.ผึ้ง กับฟิลม์ รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตนักร้องที่อยู่มาหลายพรรคแล้ว 

โดยแม้จะพบว่า ภาพรวมๆ การเปิดตัว-ตั้งทีมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว รายชื่อทั้งหมดในทีม แม้จะไม่ถึงกับทำให้หลายคนร้อง “ว้าว” เพราะยังไม่มี เทคโนแครต-คนมีชื่อเสียงในวงการเศรษฐกิจ การเมือง นอกพรรค มาร่วมทีม อย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้เช่น ก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวว่า พลังประชารัฐทาบทาม “ชาติชาย พายุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน”ให้มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค แต่สุดท้าย ก็ไม่มีชื่อ

กระนั้นก็ตาม แม้ พลังประชารัฐ ยังหาบิ๊กเนม ด้านเศรษฐกิจ-นโยบายเชิงมหภาค มาเสริมทีมไม่ได้ แต่การที่ พลเอกประวิตร เข็นตั้งทีมงานเชิงยุทธศาสตร์ดังกล่าวออกมา อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่า บิ๊กป้อม ขยับแล้วสำหรับการเข็นพลังประชารัฐ เตรียมเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง  ไม่ใช่จะมามัวแต่รอ ว่าบิ๊กตู่ จะอยู่หรือไป จนไม่ทำอะไร สักอย่าง 

แสดงความเห็น