“บิ๊กป้อม” เสริมแกร่งพปชร. ส่งซิกปักหลักยาว ต่ออายุ3 ป. 

การประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ที่จังหวัดนครราชสีมาที่มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แทนตำแหน่งที่ว่างลงที่ “บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดัน “พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์” กับ “พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร” ที่เป็นอดีตบิ๊กทหารที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบิ๊กป้อมตั้งแต่บิ๊กป้อมยังเป็นผบ.ทบ.และรมว.กลาโหม รวมถึงปัจจุบันก็ช่วยทำงานอยู่ในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ฐานทัพใหญ่การเมืองของบิ๊กป้อม

สิ่งที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นชัดในทางการเมืองว่า พลเอกประวิตร ยังคงเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป ไม่มีการถอดใจหรือจะทิ้งพลังประชารัฐ ไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย กับบิ๊กน้อย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดินฯและธรรมนัส พรหมเผ่า อย่างที่มีการประเมินการเมืองกันก่อนหน้านี้ แต่น่าจะวางหมากให้พรรคเศรษฐกิจไทย เป็น “พรรคเครือข่าย-พรรคแนวร่วม” กับพลังประชารัฐในการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลรอบหน้ามากกว่า

โดยเฉพาะหากสุดท้าย สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตามร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.ฯ ออกมาในแนวทางให้ ใช้สูตรเอา 500 หรือจำนวนส.ส.ทั้งสภาฯหาร จำนวนคะแนนเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ แทนที่จะใช้ 100 ที่เป็นตัวเลขส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร

ซึ่งหากออกมาโดยใช้สูตร 500 หาร อาจทำให้พลังประชารัฐได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยกว่าที่ควรได้ระดับหนึ่ง

ตัวเลขที่หายไปดังกล่าว มีการประเมินว่า อาจไหลไปอยู่กับฝ่ายพรรคเศรษฐกิจไทย หากพรรคเศรษฐกิจไทยทำได้ตามเป้า ที่ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำให้ พรรคเศรษฐกิจไทยคือพรรคเครือข่าย หรือกลยุทธ์ “แตกแบงก์พัน”แบบอ่อนๆ เพื่อให้หลังเลือกตั้ง จะได้ดึงพรรคเศรษฐกิจไทยมาเป็นแนวร่วมตั้งรัฐบาล

ภายใต้หลักคือ ต้องปราบพยศการเมืองของธรรมนัสที่มีต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้เสียก่อน

ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ ลำดับแรก ก็ต้องวัดใจกันตอนศึกซักฟอกกลางปีนี้ว่าส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยจะโหวตหนุนพลเอกประยุทธ์หรือไม่

ยิ่งเมื่อตัวจ่ายพลังประชารัฐอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง” ที่ทุนหนา พร้อมจ่ายหนัก เข้ารับตำแหน่ง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเต็มตัว โดยมีพลเอกประวิตร นั่งหัวหน้าพรรคต่อไป ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนในลักษณะ สายพลเอกประยุทธ์จะเข้ามายึดพรรคคุมพรรคพลังประชารัฐ แทนอย่างที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะดัน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯมานั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผนวกกับ ถึงตอนนี้ อนาคตของ “พรรครวมไทยรักษาชาติ” ที่ข่าวบอกว่าจะเป็นพรรคนั่งร้านการเมืองให้กับพลเอกประยุทธ์ตอนเลือกตั้งรอบหน้า เปิดตัวมาแล้ว ยังลูกผีลูกคน ดูแล้ว เป็นไปได้สูงที่อาจจุดไม่ติด เพราะบิ๊กเนมการเมืองที่บอกว่าจะไปอยู่ด้วย สุดท้าย อาจไม่จะไป อาจเป็นแค่พรรครวมพลพวกอดีตนักการเมืองแถวสอง แถวสาม พวกอกหักจากพรรคอื่นเช่น จะขอลงพลังประชารัฐ แต่พื้นที่เต็ม ก็อาจไปอยู่กับรวมไทยสร้างชาติแทน 

อีกทั้งตอนนี้ แรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้จัดตั้งพรรครวมไทยรักษาชาติ ก็กำลังโดนถล่มดิสเครดิตเรื่อง “คลิปเสียง” บทสนทนาการทำงานปราบ-จับกุมเรื่องขายสลากเกินราคา เรียกได้ว่าทำเอาเสียรูปมวยไปไม่ใช่น้อย จนแรมโบ้ ต้องรุดเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพื่อกันตัวเองไว้โดยเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ถูกมองว่า ที่เล่นบทจับหวยแพงเพราะต้องการหาผลประโยชน์จากโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล 

ทั้งหมดล้วนไม่เป็นผลดีต่อการเกิดขึ้นของรวมไทยสร้างชาติ ใดๆทั้งสิ้น เพราะลำพังแค่ประชุมใหญ่พรรคไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีแต่พวกโนเนมไปเปิดตัว ก็ทำให้พรรคถูกมองว่าไม่น่าจะไปรอด จุดไม่ติด

ทั้งหมดล้วนเป็นผลดีต่อพลังประชารัฐทั้งสิ้น เพราะทำให้ ส.ส. -นักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงคนที่คิดจะเข้าพลังประชารัฐ ที่กำลังสองจิตสองใจ ว่าจะย้ายพรรคไปอยู่เศรษฐกิจไทยหรือรวมไทยสร้างชาติดีหรือไม่ ตอนนี้ คงเห็นแล้วว่า อยู่ปักหลักที่พลังประชารัฐ น่าจะดีที่สุด

เพราะได้เห็นแล้วว่า บิ๊กป้อม ไม่ถอดใจ ลุยต่อ แล้วยังเสริมทัพ เอาอดีตมือทหาร มือทำงานการเมือง มาเสริมแกร่งในพลังประชารัฐแบบนี้ มีหรือ ส.ส.-นักการเมืองพลังประชารัฐ จะไม่ฮึกเหิม ขอปักหลักสู้ต่อ

เพราะตอนนี้ หลายอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย เช่น “เสี่ยโตพันล้าน อภิชัย เตชะอุบล อดีตนายทุนใหญ่พรรคประชาธิปัตย์” ก็ลาออกจากประชาธิปัตย์มาอยู่กับพลังประชารัฐ แบบนี้เรียกได้ว่า เลือกตั้งรอบหน้า พลังประชารัฐ ก็มั่นใจได้ว่า กระสุนดินดำพร้อมมาก

ยิ่งอดีตบิ๊กทหารสองคนที่มาเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ธรรมดา อย่าง พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ สายข่าวในกลาโหมบอกว่า แม้ชื่ออาจไม่ใช่คนที่แวดวงสื่อสายกองทัพรู้จัก แต่ฝีมือการทำงานไม่ธรรมดา โดยเฉพาะฝีไม้ลายมือเรื่องการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์การเมือง เพราะมีประสบการณ์สูง เคยเป็น ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์-หัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์-ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก–ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัยพลเอกประวิตร เป็น รมว.กลาโหม ผนวกกับคอนเน็กชั่นการเมืองก็ไม่ธรรมดาเพราะพล.อ.กฤษณ์โยธิน มีชื่ออยู่ใน “คณะอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด” ที่มีพลเอกประวิตร เป็นประธานมูลนิธิกรรมการ ทำให้รู้จักคนในหลายแวดวง

ส่วน “พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก” ก็ถือว่าเข้ามาเสริมทัพแบบตรงจุดเพราะมีประสบการณ์ในพื้นที่เลือกตั้งก็ผ่านมาโชกโชนเพราะเคยเป็น อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คุมพื้นที่ภาคอีสานมาแล้ว เรียกได้ว่า รู้จักพื้นที่ทุกจังหวัดในอีสานเป็นอย่างดี และต้องไม่ลืมว่า ภาคอีสานคือเป้าหมายหลักของทักษิณ ชินวัตรและเพื่อไทยในการต้องการกวาดชัยชนะแบบแลนด์สไลด์

ดังนั้นการที่พลังประชารัฐ ได้คนที่เคยอยู่ในพื้นที่อีสาน รู้จักภาคอีสานในภาพรวมเป็นอย่างดี  เพราะชีวิตราชการเติบโตจากอีสานตลอด เช่น ผบ.พล พัฒนาที่ 2-รองแม่ทัพภาคที่ 2 -แม่ทัพภาคที่ 2 จึงย่อมรู้ว่า จังหวัดไหนในภาคอีสาน นักการเมืองแต่ละคนเป็นอย่างไร ใครมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร และเมื่อวันนี้หลังเกษียณอายุราชการเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ก็มาช่วยงานพลังประชารัฐแบบเต็มตัว เรียกได้ว่า ยังเรี่ยวแรงดีอยู่ แบบนี้ ย่อมทำให้ แกนนำพลังประชารัฐ มั่นใจว่า พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนนี้ จะเข้ามา ช่วยสกัดไม่ให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ในภาคอีสานได้

การเสริมทัพพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม โดยดึงอดีตนายทหารคู่ใจมาช่วยงาน อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้ คนในพรรคพลังประชารัฐ เกิดความรู้สึกมั่นใจได้ว่า เลือกตั้งรอบหน้า พลังประชารัฐ ยังเหนียวแน่น ยังต่อกรกับเพื่อไทยได้

บนเป้าหมายของลุงป้อมคือ กลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อรักษาฐานอำนาจ 3 ป.อีกสักหนึ่งสมัย

แสดงความเห็น