หวังยืนหนึ่ง พปชร. แผน “มิ่งขวัญ” ก้าวแรกก็ลื่นไถล

มองไปข้างหน้า ถึงเส้นทางการเมืองของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ในพรรคพลังประชารัฐ หลังมิ่งขวัญร่วมเปิดตัวพร้อมกับ แกนนำพรรคที่นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ไปเมื่อวันอังคารที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

พบว่า สิ่งที่ มิ่งขวัญ คิดไว้ในใจว่า จะเข้ามา “ยืนหนึ่ง”ในพลังประชารัฐ ด้วยการเป็นทั้งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ-ตัวหลักของพรรคพลังประชารัฐในการไปขึ้นเวทีดีเบตสำคัญๆตอนเลือกตั้งโดยเฉพาะการได้ออกสื่อ และที่สำคัญต้องมีชื่อเป็น หนึ่งในสาม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพลังประชารัฐที่จะประกาศตอนเลือกตั้ง เรียกได้ว่า มิ่งขวัญ คิดในใจ “มาทั้งที ต้องเอาให้คุ้ม” เพื่อแลกกับที่โดนด่าเละเทะ ไม่มีชิ้นดี ที่สวิงขั้วการเมืองจากปีกฝ่ายค้านมาอยู่พลังประชารัฐ 

แต่อาจเพราะ “มิ่งขวัญ”ไม่อยากให้การพูดคุยดังกล่าว เป็นแค่ข้อตกลง-สัญญาใจ ที่มีกับ พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่รับรู้กันแค่สองคน และอาจเกรงจะ “โดนหลอก”ให้เข้าพลังประชารัฐ ก็เลยเอาสิ่งที่คุยกันมา เปิดโพล่งกลางวงแถลงข่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเข้าพลังประชารัฐ เพราะพลเอกประวิตร บอกว่าจะให้เป็นตัวแทนพรรคไปเดินสายขึ้นเวทีดีเบตต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องถนัด-ของโปรดของ มิ่งขวัญ ที่รู้กันดีว่า “พูดจนลิงหลับ” รวมถึงที่เข้ามา เพราะพลเอกประวิตรบอกว่าจะให้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐด้วย 

ที่พบว่า พอ มิ่งขวัญ เอาเรื่อง “คุยลับมาพูดในที่แจ้ง” และ “พูดก่อนเวลา” หากไปดูสีหน้าของพลเอกประวิตรกันให้ดีๆจะพบว่ามีอาการเหวอๆ พอควร เช่นเดียวกับ แกนนำพลังประชารัฐอีกหลายคนที่ยืนอยู่หลังฉากการแถลงข่าวเปิดตัวต้อนรับมิ่งขวัญ ก็เหวอเช่นกัน เพราะนึกไม่ถึง มิ่งขวัญ จะเอาเรื่องแบบนี้มาแถลงต่อสื่อมวลชน แค่วันแรกที่เดินเข้าพรรค 

ทำให้ เส้นทางของมิ่งขวัญในพลังประชารัฐต่อจากนี้ เชื่อได้ว่า ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน เพราะคาดว่า คงจะมีคนในพรรค “หมั่นไส้” และอาจมีการ “รับน้อง-ขวางลำ”เพื่อสกัดมิ่งขวัญ ไม่ให้มีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐเร็วและมากเกินไป ชนิดมาวันเดียว ก็มาเป็นสายตรง บิ๊กป้อม-ป่ารอยต่อฯ จนเบียดแกนนำพลังประชารัฐคนอื่นๆ ตกกระป๋อง 

ยิ่งรู้กันดีว่า พลังประชารัฐ พรรคนี้ “ของเขาแรง” เพราะแต่ละคนในพรรค โดยเฉพาะพวกแกนนำ-กลุ่มก๊วนต่างๆ เล่นกันแรง ชนิดพลาดมา ก็ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ

ดูอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า ขนาดเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังโดนของแข็ง เดินเกมพลาดเรื่องโค่นนายกฯ จนหลุดจากรัฐมนตรี ธรรมนัส ก็อยู่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ ต้องระเห็จออกไป  ซึ่งขนาด ธรรมนัส อยู่กับพลังประชารัฐมาแต่แรก มีส.ส.ในกลุ่มเกินสิบคน เป็นเลขาธิการพรรค ยังต้านทาน การเลื่อยขาเก้าอี้ของกลุ่มที่ไม่ถูกกันไม่ได้ แล้ว มิ่งขวัญ เข้ามาพลังประชารัฐ โดยไม่มีส.ส.ในปีกแม้แต่คนเดียว อีกทั้งรูปการดูแล้ว คงมาแบบ “เดินเข้าพรรค-แต่ไม่ถือกระเป๋าเข้ามาด้วย” คือมาตัวเปล่า เงินไม่ควัก  แล้วจะขอมีบทบาทมีตำแหน่งต่างๆ ในพรรค ขอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขอเป็นสายตรงป่ารอยต่อฯ แบบนี้ พวก “เฮียๆ เจ๊ๆ ในพลังประชารัฐ” ไม่แฮปปี้แน่นอน 

ยิ่งมาผิดคิว ตั้งแต่วันแรก ขอทั้งเป็นแคนดิเดตนายกฯ-หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ-ตัวยืนของพรรคในการออกไปทำโรดโชว์นโยบายพรรคตอนเลือกตั้ง ชนิดข้ามหน้าข้ามตา เฮียๆ เจ๊ๆ ทั้งหลายที่อยู่ในพลังประชารัฐมาก่อน มีหรือ พวกนี้ เขาจะยอมกันง่ายๆ 

เชื่อได้ว่านับจากนี้ แม้ภายนอก หลายคนในพลังประชารัฐ จะบอกขอต้อนรับมิ่งขวัญ แต่ลึกๆ ข้างใน ต้องมีคนในพลังประชารัฐ รอเตะสกัดมิ่งขวัญ ไม่ให้มาแล้วใหญ่เกินเบอร์ ข้ามหน้าข้ามตาตัวเองแน่นอน 

เพราะอย่างแค่ มีข่าวว่า มิ่งขวัญ จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็มีข่าวว่า คนในพลังประชารัฐ ที่ใช้เวลาช่วงที่ผ่านมา ไปทำ-ยกร่างนโยบายพรรค ไปทำวิจัยสำรวจความต้องการของประชาชนแต่ละภาคว่าต้องการให้พรรคพลังประชารัฐ ทำนโยบายอะไร ก็เกิดอาการไม่พอใจ เพราะเกรงว่า ที่ทำมาทั้งหมดจะเสียแรงเปล่า มาโดน มิ่งขวัญ แย่งซีน เอาผลงานไป 

ทำให้ น่าจับตา หากมิ่งขวัญ ขอมีบทบาทในฐานะแกนนำด้านทีมเศรษฐกิจและทีมยุทธศาสตร์พรรคกับบิ๊กป้อม คาดว่า อาจมีคนในพลังประชารัฐ บางส่วนไม่พอใจแน่นอน  

เพราะอย่างแค่ มิ่งขวัญ บอกว่าจะขอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่เกิน 24 ชั่วโมง บรรดาตัวตึงทั้งหลายในพลังประชารัฐ ก็ออกมาขวางทันที 

ไม่ว่าจะเป็น “วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และรองผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ” ที่ระบุว่าการที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว และอาจต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสามัญของพรรคด้วย

หรือ “รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช  พรรคพลังประชารัฐ” ที่บอกเช่นกันว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรค  ต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค  และ ส.ส. การแถลงข่าวของนายมิ่งขวัญ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาและขั้นตอนของการพิจารณาใด ๆ และยังไม่มีรายชื่อของบุคคลที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคแต่อย่างใดด้วย

โดยมีข่าวว่า ก่อนที่ รงค์จะออกมาแถลงข่าวดังกล่าว ต่อสื่อมวลชน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่เรียบร้อยแล้วและ พล.อ.ประวิตรให้ชี้แจงกับสื่อมวลชนได้ 

จับท่าทีของ “วีระกร” ที่เป็นนักการเมืองสายป่ารอยต่อฯ และ รงค์ ส.ส.ภาคใต้ ที่เป็นขาประจำบ้านป่ารอยต่อฯ ทำให้ เห็นได้ชัด บิ๊กป้อม ไม่แฮปปี้ แน่นอน ที่ มิ่งขวัญ ออฟไซด์-ตีกิน เร็วเกินไป เลยส่งซิกให้ส.ส.ของพลังประชารัฐ ออกมาดักทาง มิ่งขวัญ โดยเร็ว 

ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า การเข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ พลังประชารัฐ ของมิ่งขวัญ เริ่มมีคนในพรรค ออกอาการให้เห็นแล้ว รวมถึงตัวบิ๊กป้อมเองด้วย ที่คงไม่อินกับมิ่งขวัญ ที่ออฟไซด์เร็วเกินไป จนอาจทำให้พรรคเสียขบวนได้ เลยต้องส่งคนมาเตือนไว้ก่อน อย่างที่เห็น 

ทำให้ ที่ยืนของมิ่งขวัญในพลังประชารัฐ จากที่เคยหวังจะยืนตรงหัวแถว ถึงเวลาเลือกตั้ง อาจไม่ใช่เสียแล้ว!!!

แสดงความเห็น