ยื้อปรับครม.ได้ไม่นาน ไม่คืนโควต้า “กลุ่มธรรมนัส” พร้อมแตกหัก

เปิดมาต้นสัปดาห์  ทั้ง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” และ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล” ก็ออกมาประสานเสียง

“ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี” ช่วงนี้

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะในทางการเมือง การปรับครม.แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะปรับเล็กปรับใหญ่ ล้วนทำให้เกิดแรงกระเพื่อมตามมาในพรรครัฐบาลทั้งสิ้น บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม จึงคงไม่อยากให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะแรงกระเพื่อมในพลังประชารัฐ เพราะหลังเก้าอี้รัฐมนตรี สองตำแหน่งว่างลง จากการที่ นายกฯ เขี่ย ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากครม.ก็ทำให้ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้  แกนนำ-ส.ส.พลังประชารัฐหลายคน ต่างลุ้นอยากเป็นรัฐมนตรีด้วยกันทั้งสิ้น จนมีการสร้างข่าว ปล่อยข่าว แทงข้างหลังกันเอง

เช่น บางกลุ่มในพลังประชารัฐ ปล่อยข่าวลือว่า “เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน” เสนอชื่อ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี จังหวัดเดียวกับเสี่ยเฮ้งและ อัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี พลังประชารัฐ ให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณารายชื่อทั้งสองคนในการปรับคณะรัฐมนตรี โดยข่าวดังกล่าว ทำเอา เสี่ยเฮ้ง ถึงกับควันออกหู ออกโรงอัด คนที่ปล่อยข่าวดังกล่าวว่าเป็นการโยนระเบิดใส่ตัวเอง จนออกมาระบุ “ต้องเล่นการเมืองแบบลูกผู้ชาย”

อันนี้ขนาดว่า  สัญญาณปรับครม.ยังไม่ดัง ในพลังประชารัฐ ก็เตะตัดขากันแล้ว ยิ่งหากมีสัญญาณปรับครม.ดังเมื่อใด คงได้ฝุ่นตลบกันแน่

จึงไม่แปลก ที่บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ประสานเสียง ยังไม่คิดปรับครม.ตอนนี้ เหตุก็เพราะทั้งสองคนต้องการให้รัฐมนตรี-ส.ส.ของพรรค ไปโฟกัสเรื่องการช่วยเหลือประชาชน ในการช่วยน้ำท่วม ในช่วงนี้ไปก่อน ไม่อยากให้มาสนใจเรื่องปรับครม. เพราะทั้งสองคน รู้ดีว่า หลายกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐ กำลังรอสัญญาณการปรับครม.อยู่ เลยเกรงว่า หากมีข่าว นายกฯ เตรียมพิจารณาเรื่องปรับครม.ออกมาเมื่อใด อาจทำให้การเมืองในพลังประชารัฐ เคลื่อนไหวกันหนัก ซึ่งถ้าเคลื่อนไหวกันหนัก แล้วบางกลุ่มในพรรคไม่ได้โควตารมต. ขึ้นมา  ก็จะเกิดปัญหาความไม่พอใจตามมาอีก

เพราะอย่างที่เห็นกัน ในพลังประชารัฐตอนนี้มี หลายกลุ่ม ที่ยังไม่ได้โควตารัฐมนตรี และมีการส่งสัญญาณยังไง รอบนี้ต้องได้ เช่น “กลุ่ม 13 ส.ส.ภาคใต้” ที่รอคอยมาสองปีกว่า ก็ยังไม่ได้โควตารัฐมนตรีแม้แต่เก้าอี้เดียว รอบนี้ กลุ่มภาคใต้ เลยหวังเป็นพิเศษ

เช่นเดียวกับ “กลุ่มธรรมนัส” ยังไง ก็คงไม่ยอม เสียโควตารัฐมนตรีไปให้กลุ่มอื่นหรือคนนอกพลังประชารัฐ แน่นอน สัญญาณปรับครม.ออกมาเมื่อใด ธรรมนัส ต้องเสนอชื่อคนเป็นรัฐมนตรีในโควตากลุ่มที่จะเข้ามาแทนตนเอง ไปให้ พลเอกประวิตร เอาชื่อยัดมือบิ๊กตู่แน่นอน

โดยในกลุ่มธรรมนัส เองก็มีหลายคนรอลุ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาทิ “ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร” หนึ่งในนักการเมืองคนสทิทของธรรมนัส ที่ระยะหลัง มีบทบาทการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้ว ก็มีโอกาสสูง รวมถึง “เอกราช ช่างเหลา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อน-หุ้นส่วนทางธุรกิจของ ธรรมนัส” ก็มีสิทธิ์ลุ้นเช่นกัน แม้แต่กับ “บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ -นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ที่ปรึกษากฎหมายการเมืองของธรรมนัส” ก็อาจเป็นม้ามืดตีนปลายเบียดเอาชนะคนอื่นได้เช่นกัน

ทั้งหมด ก็อยู่ที่ ธรรมนัส แล้วว่าจะเลือกดันใคร ระหว่าง “ไผ่-เอกราช-บุญสิงห์” รวมถึงดันไปแล้ว บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ ก็ต้องโอเคด้วย เพราะหาก บิ๊กตู่ -บิ๊กป้อม ไม่โอเค คือไม่ยอมตั้งคนในกลุ่มธรรมนัสเป็นรัฐมนตรี โดยเอาโควตาไปให้กลุ่มอื่นหรือคนอื่น ก็เชื่อว่า ถ้าเจอแบบนี้ ธรรมนัส คงไม่ยอมแล้ว กับการที่ตัวเองโดนปลดออกจากครม.ไม่พอ ยังโดนริบเก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาของตัวเองด้วย หาก ธรรมนัส เจอสองดอกติดๆ แบบนี้ รับรองมีแตกหัก

ซึ่ง บิ๊กป้อม ก็คงไม่ยอมให้เกิดขึ้น ดังนั้น ชั่วโมงนี้ ประเมินไว้ก่อน ยังไง ปรับครม. เก้าอี้ รัฐมนตรีในโควตากลุ่มธรรมนัส ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งเก้าอี้ ได้กลับคืนมา

ขณะที่กลุ่มอื่นๆในพลังประชารัฐ พบว่า แม้จะมีความพยายาม เคลื่อนไหวรวมตัวต่อรอง แต่ก็มาเกิดปัญหาในกลุ่มกันเอง คือรวมตัวกันไม่ติด ทำให้ขาดอำนาจการต่อรอง ซึ่งกลุ่มที่มีลักษณะดังกล่าวในพลังประชารัฐ ที่เห็นตอนนี้ชัดๆ เลยก็คือ “กลุ่มกรุงเทพมหานคร” ที่มีส.ส.เขต 12 คน แต่เมื่อ หัวหน้ากลุ่มหลัก ทั้ง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เจอพิษคำตัดสินคดีกปปส. จนต้องหลุดจากทั้งรัฐมนตรีและส.ส. และพักการเมืองยาว เลยทำให้ กลุ่มส.ส.กทม. ซึ่งจริงๆ ไม่ได้เกาะกลุ่มกันเป็นเนื้อเดียวกันตลอด อาทิ สิระ เจนจาคะ ส.ส.หลักสี่ ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มกทม.ของ ณัฏฐพล -พุทธิพงษ์ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อตัวหลักในกลุ่มกทม.เจอสภาพต้องวางมือการเมืองยาว  ผลที่ตามมาทำให้ กลุ่มกทม.ในพลังประชารัฐ ตอนนี้ เลยมีปัญหา ไม่มีอำนาจการต่อรองใดๆ แม้จะมีส.ส.เขต กทม.ถึง 12 คน แต่เมื่อหากัปตันทีมไม่ได้ ทำให้โควตารมต.ของกทม.จากที่เคยมีสองเก้าอี้ มาวันนี้ เลยหลุดไปโดยปริยาย

ยิ่งส.ส.ทั้ง 12 คน ล้วนแล้วแต่เป็นพวกส.ส.สมัยแรกทั้งสิ้น แม้แต่ จักรพันธ์ พรนิมิตร ประธานภาคกทม.พลังประชารัฐ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังอาวุโสไม่ถึง ยังไม่มีบารมีใดๆ ในพรรค ส่วน “มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี” ที่มีข่าว ตั้งกลุ่มการเมือง ดาวฤกษ์ เพราะคิดการใหญ่ทางการเมือง เลยรวบรวมส.ส.กทม. 5-6 คนตั้งกลุ่มดาวฤกษ์ คอยทำกิจกรรมการเมืองทั้งในและนอกสภาฯ  ก็ปรากฏว่า ตอนนี้้ วงแตกเรียบร้อยทางใครทางมัน เลยทำให้ หลายกลุ่มในพลังประชารัฐ หมดคู่แข่งขันอย่างกลุ่มกทม.ที่จะคอยมาแย่งชิงโควตารัฐมนตรีไปโดยทันที

อย่างไรก็ตาม ส่องสถานการณ์เรื่องปรับครม.ดูแล้ว ถึงตอนนี้ นายกฯจะพยายามยื้อไว้ก่อน ยังไม่รีบปรับตอนนี้ แม้ ธรรมนัส-นฤมล จะหลุดจากตำแหน่งไปหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่เป็นไปได้สูงที่ ยังไง พลเอกประยุทธ์ ก็ต้องปรับครม.เพื่อทำคลอด “ครม.บิ๊กตู่ 2/5″ ก่อนการเปิดประชุมสภาฯสมัยล่าสุด 1 พ.ย. นี้ หรือช้าสุดไม่น่าจะเกิน กลางเดือนพ.ย.

เพราะหากลากยาวไปไกลกว่านั้น ไม่ยอมปรับครม.เสียที  ในภาพใหญ่ ย่อมไม่เป็นผลดีกับตัวพลเอกประยุทธ์เอง เพราะจะถูกมองว่า ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเกรงปรับครม.แล้ว จะเกิดปัญหาการเมืองในพลังประชารัฐ เลยซื้อเวลา 

ส่องสถานการณ์ตอนนี้ จึงมีโอกาสสูง ที่จะมีการปรับครม.ก่อนเปิดประชุมสภาฯ 1 พ.ย.หรืออาจเป็นหลังจากนั้นอีกระยะแต่ก็ไม่น่าจะเกินกลางเดือนพ.ย.

ท่ามกลางข่าวลือ ให้จับตา ปรับรอบนี้อาจมีเซอร์ไพร์ส ?  

แสดงความเห็น