“บิ๊กป้อง” มอบนโยบายผบ.ทอ. ขับเคลื่อนทัพอากาศคุณภาพ 6 ด้าน ยก “บิดา” ต้นแบบพัฒนาทัพฟ้า

“บิ๊กป้อง” มอบนโยบายผบ.ทอ. หลังเข้ารับตำแหน่ง ขับเคลื่อนกองทัพอากาศคุณภาพภายใต้นโยบายสำคัญ 6 ด้าน กำชับผู้บังคับบัญชาดูแลลูกน้องให้ดี ตอบแทนคนทำหน้าที่ ลั่นกรมกำลังพลรับคนต้องมีคุณภาพเข้ามาทำงาน จ่อเดินสายเยี่ยมทุกกองบินภายใน 3 เดือนนี้ ยก “บิดา” คือต้นแบบพัฒนาทัพฟ้า

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ดอนเมือง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) แถลงนโยบายผบ.ทอ. ประจำปีพ.ศ. 2565 เพื่อสื่อสารเจตนารมณ์ไปยังข้าราชการทหารอากาศ และกำลังพลในสังกัดกองทัพอากาศทุกคนให้ได้รับทราบและตระหนักถึงหน้าที่อันสำคัญในการปฏิบัติงานราชการ ผ่านการประชุมทางไกล (วีทีซี) และเผยแพร่สัญญาณผ่านระบบสื่อออนไลน์ เพื่อให้กำลังพลทุกระดับได้รับฟังอย่างทั่วถึงและพร้อมเพรียงกัน

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า กองทัพอากาศคุณภาพภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญ 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.คนคุณภาพ 2.ข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ 3.กำลังทางอากาศที่เข้มแข็ง 4.ระบบส่งกำลังบำรุงที่ลื่นไหล 5.เชื่อมโยงและช่วยเหลือประชาชน 6.ข้าราชการมีความสุขด้วยระบบสวัสดิการที่มีคุณภาพ โดยตนได้เน้นย้ำเรื่องนี้ เพราะการมีของแต่ไม่มีคุณภาพก็ไม่มีประโยชน์อะไร และอาจทำให้ความเสียความรู้สึกได้โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนต้องช่วยกัน และความเอาใจใส่ของผู้บังคับหน่วยที่เป็นคีย์แมนดลบันดาลทุกสิ่งให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนเคยทำมาแล้วสมัยเป็นผู้บังคับการกองบิน 23 และผบ.คปอ.สามารถทำด้วยงบประมาณที่มีอยู่ ขอให้ทุกหน่วยนำนโยบายข้อนี้ไปปฏิบัติและตนจะหาโอกาสไปเยี่ยมทุกกองบินภายใน 3 เดือนแรกหลังจากรับหน้าที่ ดังนั้นทุกกองบินต้องรีบทำหากติดขัดอะไรขอให้บอก

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวต่อว่า สำหรับผู้มีพระคุณของตน หากไม่กล่าวถึงเลยก็จะกลายเป็นคนอกตัญญูได้ คนแรกคือพล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ บิดาของตน ซึ่งตนได้เห็นและศึกษาแนวทางของกองทัพอากาศสมัยที่บิดารับตำแหน่ง ผบ.ทอ. แม้ว่าจะผ่านมา 35 ปี แล้วแต่ของทุกอย่างในสมัยที่ท่านดำเนินการนั้นยังมีคุณภาพและยังสามารถใช้งานได้อยู่ เช่น เครื่องบินขับไล่เอฟ 16 ,ระบบการป้องกันภัยทางอากาศ (แอร์ดิเฟนซ์) ,พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ,อาคารตึก8แฉก , สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ,สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ,โรงพยาบาลภูมิพล,อาคารคุ้มเกล้า และหอประชุมตามกองบินต่างๆ ทุกอย่างมีคุณภาพที่ดีและใช้งานได้นาน ส่วนคนที่สองคือมารดาของตนที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังที่มีส่วนร่วมในการพิจารณาหลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ และปรับหลักสูตรปริญญาของโรงเรียนนายเรืออากาศ รวมทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสมองไหลของนักบินในยุคนั้น ขณะที่อีก 4 ท่านคืออดีตผู้บังคับบัญชากองทัพอากาศ ได้แก่ พล.อ.อ.อมร แนวมาลี, พล.อ.อ.พุฑฒิ มังคละพฤกษ์  ,พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร และพล.อ.อ.หม่อมหลวง สุปรีชา กมลาศน์ ซึ่งขอยกความดีให้ทั้ง 6 ท่าน แต่เป้าหมายนโยบายจะไม่สำเร็จถ้าปราศจากจากสิ่งที่ควรยึดถือปฏิบัติหรือคติประจำใจที่เป็นแสงส่องทาง

โดยในส่วนของตนคือความจงรักภักดี สำนึกหน้าที่ สามัคคี และเสียสละ เมื่องานสำเร็จผู้บังคับบัญชาได้รับความชื่นชม แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้แต่ยืนมองความภาคภูมิใจอยู่เงียบๆข้างหลัง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาต้องตอบแทนผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยการให้ยศและตำแหน่งที่เหมาะสม หรือให้รางวัลต่างๆและไม่นำผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชามาเป็นผลงานของตนเอง ทุกคนควรมีความซื่อตรงต่อกัน เช่น เรื่องที่โรงพยาบาลภูมิพลฯที่ผ่านมา มีรายชื่อของบุคลากรทางการแพทย์ตกหล่นไม่ได้รับวัคซีนนั้น พบว่าเกิดจากระบบ แต่เราต้องยอมรับว่าการกำกับดูแลของผู้บังคับบัญชายังไม่ดีพอ จึงขอให้ผู้บังคับบัญชาตระหนัก ในส่วนนี้ดูแลให้ดีที่สุด เพราะครั้งนั้นแลกมาด้วยความเสียหายของโรงพยาบาลภูมิพลฯ ซึ่งตนก็รู้สึกเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า แต่อยากให้ทุกคนคิดถึงอีกด้านของเหรียญ เพราะกองทัพอากาศมีบุญคุณต่อเรา ให้งาน ให้เงินเดือน ให้ความรู้ ที่พักอาศัย ให้ครอบครัวและชื่อเสียงเกียรติยศดังนั้นขอให้ข้าราชการทุกหน่วยระลึกถึงพระคุณของกองทัพอากาศและจำคำพูดของตนวันนี้ไว้ให้ดี

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายด้านอื่นๆโดยเฉพาะด้านกำลังพลนั้น คนต้องมีคุณภาพโดยเฉพาะการรับคนเข้ามาต้องมีการพัฒนาให้มีขีดความสามารถตามที่กองทัพอากาศต้องการ และโยกย้ายคนทำงานในส่วนต่างๆอย่างเท่าเทียม รวมถึงประเมินผลการทำงานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ตนอยากให้กรมกำลังพลทบทวนหลักเกณฑ์การรับคนเข้ามาทำงานให้มีความทันต่อยุคสมัย ส่วนเรื่องการโยกย้ายขอฝากให้หมุนเวียนข้าราชการแต่ละคน โดยเฉพาะคนที่มีแววเติบโตในอนาคตให้ได้รับประสบการณ์ทำงานที่ครบถ้วนและหลากหลายด้วย

แสดงความเห็น