กมธ.งบฯวุฒิสภา เสนอรัฐบาล ดึงเงินอนาคต-รายได้รัฐวิสาหกิจ ออกมาใช้พยุงเศรษฐกิจ

ที่ประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารรา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1ล้านล้านบาท หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ  โดยตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้วุฒิสภาต้องพิจารณาภายใน 20 วัน และไม่มีการแก้ไข ทั้งนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ฐานะตัวแทนรัฐบาลเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย

สำหรับการพิจารณา นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษา ร่างพ.ร.บ.งบฯ65 รายงานต่อข้อสังเกตของการศึกษาต่อที่ประชุมว่าหลังสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยยังมีโอกาสและความท้าทาย เหมือนฟ้าหลังฝน อย่างไรก็ดีวุฒิสภามีข้อเสนอด้วยคือ การจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นมีบางเกณฑ์ไม่สะท้อนถึงการลดความเหลื่อมล้ำ เพราะจัดสรรงบประมาณตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยพื้นที่เติบโตเศรษฐกิจมากจัดสรรให้มาก ทั้งที่ควรจัดสรรให้พื้นที่เติบโตเศรษฐกิจน้อย ควรให้มาก  นอกจากนั้นรัฐบาลต้องทบทวนการให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการตรวจสอบ ถ่วงดุล และควบคุมการใช้งบประมาณ

นายวิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณ ในปี 2566 ที่ลดลง ทั้งนี้ รัฐบาลควรสั่งการหน่วยงานให้จัดลำดับความสำคัญและคัดเลือกโครงการที่มีความสำคัญ ส่วนที่ไม่สำคัญให้ชะลอหรือเลื่อนออกไป และให้นำงบส่วนดังกล่าวจัดสรรสมทบที่งบกลาง  เพื่อลดภาระของการกู้เงิน หากรัฐบาลต้องกู้เงินอีกในอนาคต นอกจากนั้นงบลงทุนของปี 2565 ที่มี 6 แสนล้านบาท หรือ 20.1% ถือว่าอยู่ระดับต่ำ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งจัดลำดับความสำคัญโครงการที่สำคัญและเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน นอกจากนั้นต้องนำเงินอนาคตมาใช้ หมายถึงรายได้จากรัฐวิสาหกิจ ไฟฟ้า ประปา การทางพิเศษ โดยการออกพันธบัตร (บอนด์) เพื่อลดภาระเงินกู้

“การคาดการณ์รายได้ของรัฐวิสาหกิจจะต่ำลง ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องอุดหนุน ปี 2565 มีจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการคือการดูแลสมดุลฐานะการคลังและสภาพคล่องของรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ขอให้ใช้วิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาส พิจารณาความเหมาะสมว่าบางรัฐวิสาหกิจจะให้เอกชนทำต่อไปหรือไม่ และต้องเร่งรัดดูรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เรื่องสภาพคล่อง” นายวิสุทธิ์ รายงาน

แสดงความเห็น