กมธ.แก้รธน. เดินหน้าทำเนื้อหาตามข้อบังคับ ปรับแก้ตามคำแปรญัตติ ระบุ ใครเห็นแย้ง ให้ยื่นรัฐสภาชี้ขาด

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) แก้ไขเพิ่มเเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง  รัฐสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมกมธ. นัดที่สองซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้พิจารณาเนื้อหาและกรอบการทำงานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการทำงานภายใต้ข้อบังคับรัฐสภา ข้อที่ 124 ที่กำหนดให้กรรมาธิการฯ พิจารณาเนื้อหาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เสนอเป็นคำแปรญัตติ ซึ่งในวรรคท้าย มีข้อกำหนดในรายละเอียด คือ 1.การแปรญัตติเพิ่มมาตราใหม่ หรือตัดทอน หรือแก้ไขมาตราเดิม ที่ไม่ขัดหลักการ สามารถทำได้ และ 2. การแปรญัตติอาจจะขัดกับหลักการได้  เว้นแต่เป็นนมาตราที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งตนได้ยกตัวอย่าง เช่น การกำหนดบทเฉพาะกาล เป็นต้น

นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กมธ.ซีกพรรคก้าวไกล มีความเห็นแย้ง ว่า ตามข้อบังคับข้อที่ 151 ไม่ได้ให้สิทธิกมธ. เป็นผู้วินิจฉัย หากกมธ.ที่ติดใจ สามารถยื่นต่อประธานรัฐสภาเป็นญัตติเพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาตัดสิน ทั้งนี้จะต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งจากที่ประชุม

“ผมเข้าใจว่ามีกมธ.ที่ติดใจ แต่ในข้อบังคับรัฐสภากำหนดรายละเอียดไว้ หากยังติดใจ สามารถสงวนความเห็นหรือยื่นเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาก่อนที่จะเข้าสู่การพิจารณาวาระสองได้ ทั้งนี้การพิจารณาส่วนของคำแปรญัตตินั้น กมธ.ฯ ได้นัดประชุมวันที่ 10 สิงหาคม โดยขณะนี้ให้ฝ่ายเลขานุการไปพิจารณาสรุปประเด็น แทนการตั้งคณะทำงาน ที่ผมรับฟังคำทักท้วงว่าไม่จำเป็น” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่าสำหรับคำแปรญัตติที่เสนอมานั้น แบ่งได้เป็น คำแปรญัตติที่เสนอแก้ไข 1-2 มาตรา มีทั้งสิ้น 14 ฉบับ,เสนอแก้ 3- 5 มาตรา มี 4 ฉบับ และ เสนอแก้ไข 6 – 9 มาตรา มีทั้งสิ้น 30 ฉบับ  ดังนั้นในการประชุมนัดหน้าจะเดินหน้าพิจารณาตามข้อบังคับข้อ 124  อย่างไรก็ดีในชั้นพิจารณาไม่ได้ตัดสิทธิ์ผู้ที่เป็น กมธ.ฯ จะแสดงความเห็น ต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการ มาทั้งสิ้น 2 มาตรา

แสดงความเห็น