นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พลังประชารัฐ กล่าวว่า พี่น้องเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ เดือดร้อน เพราะราคาผลผลิตตกต่ำ ความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศลดลง รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและดูแลครอบครัว ชาวยาสูบได้มีความพยายามอย่างที่สุดเพื่อขอรับการช่วยเหลือหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เกิดผล โดยตัวแทนชาวไร่ยาสูบ วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรและกลุ่มเกษตรกร จ.สุโขทัย ได้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอเปิดพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ให้เป็นพื้นที่นำร่องปลูกพืชกัญชงแทนยาสูบ ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทย ทั้งนี้ตนในฐานะประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาพืชกัญชงและคณะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่ามีความเหมาะสมหลายประการ คือ
1.สภาพภูมิอากาศของ จ.สุโขทัยเหมาะสมกับการปลูกพืชกัญชง คือค่อนข้างร้อน แสงแดดมาก มีความชื้นปานกลางฝนไม่ชุกไม่เกิดเชื้อราง่าย
2.สุโขทัยเป็นพื้นที่ยาสูบยาวนานกว่าร้อยปี พืชทั้ง 2 ชนิดคล้ายกันในทางพฤกษศาสตร์ เป็นพืชใบเลี้ยงคู่พืชฤดูเดียว มีการบ่มให้แห้งในโรงบ่ม ที่สามารถดัดแปลงใช้กับการแปรสภาพพืชกัญชงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความเชี่ยวชาญของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ
3.สุโขทัยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์อินโดจีน ที่มีความเหมาะสมในเส้นทางการค้าและการส่งออก จึงเหมาะควรได้รับโอกาสนำร่อง เพื่อการเข้าถึงกัญชงพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างรายได้ที่ดี จากผลผลิตผลิตภัณฑ์ด้านเส้นใย โดยเฉพาะเมล็ดที่เป็นอาหาร อาหารเสริม ยาสมุนไพร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และอื่นๆ
4.เป็นการส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีของประชาชน ในการเป็นพืชทดแทนยาสูบ ด้วยกัญชงไม่มีสารเสพติดและไม่เป็นพิษภัยต่อสุขภาพ อันเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของบุคคลและภาครัฐ ในการรักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากบุหรี่และสารเสพติดอื่นๆ อีกด้วย
ดังนั้น เพื่อเป็นการคืนโอกาสที่สูญเสียไปให้ชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศ โดยนำร่องที่จังหวัดสุโขทัย จึงขอเปิดพื้นที่การปลูกพืชกัญชงทดแทนยาสูบในพื้นที่เกษตรกรรม ราว 32,000 ไร่ เกษตรกร ราว 1,200 ราย โดยขอเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1.กรมสรรพสามิต และการยาสูบแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน 2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนปัจจัยการผลิต ได้แก่การพัฒนาดิน แหล่งน้ำ เทคโนโลยีการปลูก 3.กระทรวงสาธารณสุข อนุญาตการปลูกภายใต้การออกกฎกระทรวงโดยเร็ว และ 4.สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.)เป็นพี่เลี้ยงและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช