

วัดความสุดโต่งแล้ว ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังห่างกับ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อยู่เยอะ
บุคลิก ‘พิธา’ มีความประนีประนอมมากกว่า เพราะซึมซับการเมืองมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย
แต่เหตุต้องเผชิญชะตากรรมที่หนักหนาสาหัสกว่า นั่นเพราะ ‘พิธา’ คือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล พรรคอันดับ 1 ในขณะนี้
กล่าวคือ ‘พิธา’ ไม่ได้ถูกสกัดเพราะตัว ‘พิธา’ แต่กำลังถูกสกัดในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
ไม่ว่า นาย ก. นาย ข. หากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลตอนนี้ จะต้องเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกัน
นั่นเพราะเงื่อนไขทางการเมืองขณะนี้คือ ไม่ยอมให้คนของพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีเด็ดขาด!
เมื่อโจทย์มาแบบนี้ ทางเดียวคือ การขุดคุ้ยความผิดพลาด หรือจุดอ่อนทั้งหมดของ ‘พิธา’ เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคก้าวไกล
เพราะมันเป็นวิธีการเดียวที่ง่ายที่สุด
การสอย ‘พิธา’ ตกสวรรค์ จะทำให้กระดานการเมือง และสมการทางการเมืองเปลี่ยนไปทันที
แน่นอนว่า พรรคก้าวไกลจะยังคงเป็นพรรคอันดับ 1 อยู่ เพราะมีคะแนนเสียงมากกว่าพรรคอันดับ 2 แต่ข้อจำกัดคือ พวกเขาส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวคือ ‘พิธา’
หาก ‘พิธา’ ถูกเขี่ย พรรคก้าวไกลจะไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตัวเอง เว้นเสียแต่พวกเขาเสนอรายชื่อคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในตะกร้าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกกันว่า ‘นายกฯคนนอก’
แต่ถ้าทำแบบนั้น มันจะย้อนแย้งกับตัวเองที่เคยประกาศไม่สนับสนุน ‘นายกฯคนนอก’ อีกทั้งกลไกรัฐสภายังเดินไปได้ เพราะยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคอื่นๆ อยู่
โดยเฉพาะพรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน คือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน และ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’
มันไม่ได้เป็นการไปแย่งมาจากพรรคก้าวไกล แต่มันเป็นสิทธิที่ได้มาเอง เพราะอุบัติเหตุที่เกิดกับพรรคสีส้ม
ถึงตรงนั้นพรรคเพื่อไทยคงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยินยอมให้นำรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคตัวเองไปโหวตในที่ประชุมร่วมของทั้งสองสภา เพื่อเป็นการ ‘รักษาผลประโยชน์’ ของ 8 พรรคร่วม
พรรคก้าวไกลไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องไปสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เหมือนที่พรรคสีแดงคอยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้จนวินาทีสุดท้ายที่พรรคสีส้มถึงทางตัน
แต่กรณีจะเกิดขึ้นได้คือ ‘พิธา’ ถูกสอยทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว หรือ โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลซ้ำๆ หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว.ไปได้อยู่ดี
ฉะนั้น ทุกอย่างจะง่ายขึ้นหากไม่มี ‘พิธา’ เสียคน
ฝ่ายสกัดกั้นเห็นช่องโหว่ตรงนี้ จึงมีความพยายามเขี่ย ‘พิธา’ ให้พ้นกระดาน
เรียกว่า เขี่ยแค่ตัวเดียว สมการการเมืองเปลี่ยนทันที!
แสดงความเห็น
