‘จเด็จ อินสว่าง’ สมาชิกวุฒิสภา วัย 76 ปี คนที่ประกาศจะไม่โหวตให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ออกมาจุดพลุเรื่อง ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ เป็นทางออกของประเทศ
โมเดลของ ‘จเด็จ’ คือ ทุกพรรคจับมือกัน นำข้อดีของแต่ละพรรคมารวมกัน โดยไม่มีฝ่ายค้าน
เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ทางการเมืองไทย แต่มีการพูดถึงเรื่องนี้กันมาหลายครั้งในอดีต แต่จนแล้วจนรอดมันไม่เคยเกิดขึ้นได้
ขนาดในวันที่ม็อบเต็มบ้านเต็มเมือง มีผู้บาดเจ็บล้มตายจากการชุมนุม แต่โมเดลนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นได้เลยสักครั้ง
การจะเกิดขึ้นได้ ประเทศชาติต้องอยู่ในระดับวิกฤตภายในประเทศ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟัน อย่างเช่น เกิดภาวะสงคราม
‘รัฐบาลแห่งชาติ’ จึงเป็นแค่ ‘ยูโทเปีย’ เท่านั้น แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อีกทั้งสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ยังอยู่ในระดับของความเห็นต่าง ยังไม่ได้เกิดม็อบชนม็อบ คนในประเทศยังสามารถคุยพูด รับฟังความเห็นต่างได้อยู่
ประเทศยังไม่ได้เดินมาถึงทางตัน แต่ด้วยกติกาที่เปิดกว้าง ต่อให้ ‘พิธา’ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ยังเฟ้นหารัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีได้อยู่ ไม่ได้อยู่ในภาวะ ‘สุญญากาศ’
อีกทั้งในทางปฏิบัติไม่มีทางที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ซึ่งชนะมาเป็นอันดับ 1 ในสนามเลือกตั้ง จะยอมไปเป็นรัฐบาลแห่งชาติ เพราะตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ เหตุใดจึงต้องยอม
พรรคก้าวไกลเองไม่ได้ซีเรียสว่า รอบนี้จะต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ และพวกเขาไม่ได้เดือดร้อน หากจะต้องลงเอยด้วยการไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ อีกสมัย
สงครามของพรรคก้าวไกลคือ ‘สงครามระยะยาว’ ที่รอได้ 3 เกลอแห่งคณะก้าวหน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรณิการณ์ ช่อวานิช เพิ่งถูกตัดสิทธิ์ไปเพียง 3 ปีเศษ ยังเหลืออีก 7 ปี ถึงจะพ้นโทษแบนทางการเมือง
ยิ่งรอบนี้หากพรรคก้าวไกลพลาดการจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้เลือกตั้งรอบหน้าจะเกิดปรากฏการณ์ ‘ส้มทั้งแผ่นดิน’
ต่อให้กีดกัน ขวางกั้นเท่าไหร่ แต่สุดท้ายจะไม่อาจต้านทานได้อยู่ดี ยุบพรรคอนาคตใหม่ยังเกิดพรรคก้าวไกล และต่อให้ยุบพรรคก้าวไกล แต่ยังจะมีพรรคเกิดใหม่มาอีก
เพราะพรรคก้าวไกลคือ ‘ผู้คน’ ไม่ได้ยึดติดกับตัวพรรค
นอกจากนี้ พวกเขายังรู้ตัวว่า ด้วยปริมาณ 151 เสียง ต่อให้เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถทำผลงานอะไรได้มากมาย เพราะมีพรรคเพื่อไทยที่น้อยกว่าสิบเสียงคอยขี่คออยู่
นโยบายหลายข้อไม่อาจดำเนินการได้ตราบใดที่พรรคอันดับ 1 ไม่มีอำนาจต่อรองที่สูง ฉะนั้น ต่อให้ได้เป็นในรอบนี้ แต่จะได้แค่ ‘ได้เป็น’ เท่านั้น
หากเกิดการรวมหัวกันของพรรคอื่นจริง ‘พรรคก้าวไกล’ จะประกาศไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ ทันที
ฉะนั้น มันจะไม่ใช่ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ แต่จะเป็นรัฐบาลที่เอาทุกฝ่ายยกเว้น ‘พรรคก้าวไกล’
ขณะเดียวกัน ความเห็นที่ออกมา เป็นความเห็นของ ส.ว. ที่ไม่ได้ยืนอยู่ ‘ตรงกลาง’ และถูกมองว่า แอบอิงขั้วอำนาจเก่า มันจึงทำให้ไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่
เป็นไอเดียยูโทเปีย ที่ยังคงเป็นแค่ความฝันว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้