แย่งเก้าอี้ ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ ‘พท.’ ถือไพ่ได้เปรียบ ‘ก้าวไกล’

มันไมได้มีกฎหมายกำหนดว่า พรรคอันดับ 1 หรือ พรรคแกนนำรัฐบาล จะต้องได้เก้าอี้ ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’ เสมอไป

ที่ผ่านมา ที่พรรคอันดับ 1 ได้ครองเก้าอี้ ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ ส่วนใหญ่มักจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงแบบท่วมท้น มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ หลายช่วงตัว อย่างเช่น ยุครัฐบาลไทยรักไทย ยุครัฐบาลพลังประชาชน และยุครัฐบาลเพื่อไทย

หรือพูดง่ายๆ อำนาจต่อรองของพรรคอันดับ 2 และอันดับถัดๆ ไป ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มากพอที่จะ ‘ต่อรอง’

ขณะเดียวกัน มีหลายครั้งที่เก้าอี้ ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’ ที่เป็น ‘ประธานรัฐสภา’ โดยตำแหน่ง ไม่ได้มาจากพรรคอันดับ 1 

มันมีหลายสาเหตุ แต่หลักใหญ่คือ อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลมีสูง พรรคอันดับ 1 อย่างเช่น เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ห่างกับพรรคฝ่ายค้านไม่มาก เหมือนกับสภาชุดที่แล้วที่ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ พรรคอันดับ 2 ในรัฐบาล ได้เก้าอี้ตัวนี้ไปให้ ‘ชวน หลีกภัย’ ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคอันดับ 1 ของรัฐบาลไม่ได้เต็มใจนัก แต่ต้องยินยอม จำเป็นต้องคลายให้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล

หรือย้อนกลับไปในเหตุการณ์ ‘กลุ่มเพื่อนเนวิน’ พลิกขั้ว มาร่วมกับ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อดัน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ หัวหน้าพรรคสีฟ้าในขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนอกจากเสียโควตากระทรวงเกรดเอไปให้ ‘กลุ่มเพื่อนเนวิน’ ที่ต่อมาเป็นพรรคภูมิใจไทย ยังต้องยอมยกเก้าอี้ ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ ไปให้ ‘ปู่ชัย’ ชัย ชิดชอบ บิดาของ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ด้วย

ฉะนั้น มันขึ้นอยู่ที่อำนาจต่อรองระหว่างพรรคอันดับ 1 กับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ 

กลับมาที่ ‘พรรคก้าวไกล’ กับ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่กำลังเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้ตัวนี้ ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องมาจากพรรคสีส้ม ในขณะที่พรรคเพื่อไทย ปรารถนาจะครอบครองเช่นกัน

เรื่องนี้อย่างไรต้องเคลียร์กันให้จบก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ไม่เช่นนั้นจะเป็นพรรคก้าวไกลที่จะยุ่ง

เพราะหากในการโหวตประธานสภาฯ ปรากฏว่า มีคนเสนอชื่อ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภาฯ ขึ้นมาแข่งให้ที่ประชุมเลือก โอกาสที่พรรคการเมืองอื่นจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยมีสูงมาก ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองจากขั้วรัฐบาลเก่าเอง

หากปล่อยให้คาราคาซังไปวัดกันในสภา พรรคเพื่อไทยเข้าวินง่ายกว่าแน่

อย่างไรก็ดี ในมุมของพรรคก้าวไกลเองไม่สามารถปล่อยเก้าอี้ตัวนี้ตกไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยได้ ไม่ใช่เพราะยึดเรื่องหลักการพรรคอันดับหนึ่ง แต่เพราะเก้าอี้ตัวนี้สามารถจับพรรคเพื่อไทยเป็น ‘ตัวประกัน’ ได้ ไม่ให้กล้าเบี้ยวตอนโหวตนายกรัฐมนตรี

ประธานสภา ที่มาจากพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมให้อีกฝั่งตุกติก เพราะมีอำนาจกำหนดเกม กำหนดวาระการประชุมสภา ตรงกันข้าม หากเป็นพรรคเพื่อไทย โอกาสจะพลิกแพลงเกิดขึ้นได้ตลอด

สถานะพรรคก้าวไกลตอนนี้คือ ไม่ได้ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย 

การกอดเก้าอี้ประธานสภาแน่น คือ หลักฐานยืนยันว่า พวกเขาไมได้ไว้วางใจในสถานการณ์ตอนนี้เลย 

เช่นกันกับพรรคเพื่อไทย หากปล่อยให้พรรคก้าวไกลครองเก้าอี้ดังกล่าว พวกเขาจะดิ้นไปไหนยาก ไม่อยู่ในภาวะกำหนดเกมใดๆ ได้เลย พรรคก้าวไกลลากไปตรงไหน ต้องไปตรงนั้น

เกมนี้พรรคเพื่อไทยอยู่ในจุดได้เปรียบได้กว่า

แสดงความเห็น