เปิดไพ่การเมือง “บิ๊กป้อม”เอาแน่ ลุ้นนั่งนายกฯ !

“บิ๊กน้อย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” คือนักการเมือง ที่พอมีชื่อมีชั้นรายล่าสุด ที่ตบเท้ากลับเข้า “พลังประชารัฐ” เพื่อเสริมทีม บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังไม่ประสบความสำเร็จในการทำพรรครวมแผ่นดิน และเศรษฐกิจไทย หลังก่อนหน้านี้ ก็มีนักการเมืองหลายคน ก็ตบเท้าเข้าพลังประชารัฐ ซึ่งก็มีทั้งที่เพิ่งเข้ามาใหม่และพวกกลับบ้านเก่า เช่น กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า -มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ -นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ-อันวาร์ สาและ -สกลธี ภัททิยกุล เป็นต้น 

แถมมีข่าวว่า คนในพลังประชารัฐบางส่วน ก็ไปเปิดดีล พยายามดึง “กลุ่มสมคิด” จากสร้างอนาคตไทย ให้กลับบ้านเก่าที่พลังประชารัฐ ทั้งอุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ หลังที่ผ่านมา กลุ่มดร.สมคิดต้องไปเร่ร่อนพเนจร ไปทำพรรคสร้างอนาคตไทยมาร่วมปีแต่ไม่วี่แววประสบความสำเร็จ 

จนต้องไปเจรจาควบรวมกับทั้งไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อย คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์และชาติพัฒนากล้า ของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่เจรจากันหลายรอบหลายวง โดยเฉพาะกับ สุดารัตน์ ก็ไม่คลิกกันเสียที เลยทำให้ กลุ่มป่ารอยต่อฯ ในพลังประชารัฐ เลยใช้จังหวะนี้ ดอดต่อสายถึงกลุ่มสมคิด โดยเสนอเงื่อนไขให้กลับเข้าพลังประชารัฐ 

อย่างไรก็ตาม ดีลนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องรอติดตาม เพราะข่าวว่า ทันทีที่มีข่าวลือดังกล่าว ก็ทำให้ ไทยสร้างไทย ของเจ๊หน่อย ออกอาการร้อนรน จากที่ตั้งเงื่อนไขเยอะในการรวมพรรคกับดร.สมคิด แต่ตอนนี้ข่าวว่า กลุ่มเจ๊หน่อย ชักเกรงแล้วว่า กลุ่มสมคิด จะยกเลิกการเจรจารวมพรรคแล้วกลับเข้าพลังประชารัฐจริง จนทำให้ ไทยสร้างไทย ลุยสนามเลือกตั้งแบบโดดๆ ที่หากเป็นแบบนี้ พรรคเจ๊หน่อย ก็เสี่ยงจะเป็นพรรคเล็กหลังเลือกตั้งได้ เลยทำให้ข่าวว่า สุดารัตน์ พยายามจะขอคุยรอบสุดท้ายให้ได้ เพื่อไม่ให้ กลุ่มสมคิด กลับพลังประชารัฐ ที่ก็ต้องดูว่าผลจะออกมาอย่างไร 

ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า ลูกเก๋าของบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ยิ่งนานวัน ยิ่งออกลูกเขี้ยว โชว์ความเป็นมือประสานสิบทิศ ให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ 

คิดง่ายๆ หากแม้ กลุ่มสมคิด สุดท้าย เปลี่ยนใจไม่มาอยู่ด้วย หลังมีการทาบทามกันแล้ว แต่บิ๊กป้อม ก็ไม่ได้เสียอะไร เพราะถือว่าแสดงน้ำใจ ช่วยเหลือ พรรคพวกเก่า แต่ในทางการเมือง คนก็ย่อมเห็นแล้วว่า รอบนี้ บิ๊กป้อม เอาจริง ลุยทุกช่องทาง หวังทำให้พลังประชารัฐ ได้ส.ส.เข้าสภาฯหลังเลือกตั้งมากที่สุด จนทำให้จากที่คนปรามาสว่า จะได้เต็มที่ ประมาณ 60-70 เสียง ถึงตอนนี้ อาจหวังไปถึงระดับ ขั้นต่ำ 80 เสียงแล้วก็เป็นได้ เพราะอย่าลืมว่า เป็นที่พูดกันหนาหูในทางการเมืองว่า พลังประชารัฐพรรคนี้ 

“เงินถึง-เงินถัง”

เรียกได้ว่า หากผู้สมัครส.ส.เขต คนไหน บิ๊กป้อมและแกนนำพลังประชารัฐ เชื่อมั่นว่า ชนะแน่ หรือมีโอกาสชนะในระบบเขต ก็พร้อมอัดฉีดให้ไม่อั้น ชนิดพร้อมสู้กับ ภูมิใจไทย แบบเท่าไหร่เท่ากัน

ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา “ป่ารอยต่อฯ” กุมอำนาจรัฐ มายาวนานร่วม 8 ปีกว่า สร้างเครือข่ายคอนเน็กชั่นไว้หลายวงการธุรกิจ จนร่ำลือกันว่าที่ป่ารอยต่อฯ มีกระสุนดินดำ ไว้มากโข เพียงแต่ไม่ได้อวดแบบ ภูมิใจไทย 

แต่นักการเมืองคนไหนเดินเข้าไป รับรอง โดนมนต์สะกดของที่ระลึกจากป่ารอยต่อฯ ก็เดินตัวหนักออกทุกราย จนหลายคนบอกพร้อมสู้ถวายตัวให้ลุงป้อม ได้มีสิทธิ์ลุ้นเป็นนายกฯ ในบั้นปลายชีวิต 

ด้วยเหตุนี้ แม้ พลังประชารัฐ รอบนี้ จะไม่มี จุดแข็ง อย่าง บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ มาเป็นตัวชูโรงในการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อสร้างกระแสพรรค เรียกคะแนนให้ผู้สมัครระบบเขต โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งกระแสบิ๊กตู่ยังขายได้ เช่น ภาคใต้-ภาคกลางหลายจังหวัด-กรุงเทพมหานคร แต่พลังประชารัฐ และบิ๊กป้อม ก็เปลี่ยนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งใหม่ เมื่อไม่มี บิ๊กตู่เป็นจุดขาย ก็ต้องเน้น ตัวผู้สมัครส.ส.ระบบเขต-บ้านใหญ่ในจังหวัด มาเป็นตัวชูโรง ผสมกับการสร้างสีสันการเมืองการเลือกตั้ง ให้พลังประชารัฐ ตกอยู่ในความสนใจของผู้คนตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นการออกนโยบาย “ป้อม 700” หรือบัตรคนจน 700 บาทต่อเดือน หากพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง หรือการสร้างสีสันข่าว ด้วยการใช้กลยุทธ์ “ปาดหน้า” การลงพื้นที่ของบิ๊กตู่ ด้วยการให้ บิ๊กป้อม ไปลงพื้นที่ก่อน ที่ทำมาแล้วทั้งที่ราชบุรี-พิจิตร นครสวรรค์-เยาวราช และยังมีการออกจดหมายเปิดใจ ที่ฟาดไปที่บิ๊กตู่เต็มๆ

ทั้งหมดคือกลยุทธ์การเมืองการหาเสียงที่ ทำให้ บิ๊กป้อม กลายเป็นนักการเมืองที่อยู่ในพื้นที่สื่ออย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหลุดเฟรม 

เพียงเท่านี้ ก็ถือว่า กลยุทธ์นี้ ได้ผลระดับหนึ่งแล้ว จนทำให้ ชื่อของบิ๊กป้อม จากที่คนมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน ที่ว่าจะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่มาตอนนี้ หลายคนมองว่า มีโอกาสเป็นไปได้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว หรือถึงหากไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ด้วยลีลา ชั้นเชิง และหมากการเมืองที่บิ๊กป้อมวางไว้ ที่ประกาศหลายรอบว่า พลังประชารัฐขอ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”

ที่ก็อ่านได้ไม่ยากว่า บิ๊กป้อม พร้อมนำพลังประชารัฐ ไป จับมือตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย เพื่อสลายขั้ว แม้ตอนนี้ เพื่อไทย จะยังไม่มีท่าทีตอบรับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขืนหากเพื่อไทย ตอบรับตอนนี้ก็พังสถานเดียว ยังไง ก็ต้องกั๊กๆ ไว้ก่อน แล้วหลังเลือกตั้ง หากเพื่อไทยไม่ได้แลนด์สไลด์ ก็ค่อยมาจับมือกับพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลก็ได้ ที่เพื่อไทยเชื่อว่า แฟนคลับน่าจะรับได้ เพราะยังไง เพื่อไทย ก็ย่อมสบายใจมากกว่าที่จะจับมือกับบิ๊กป้อมตั้งรัฐบาล ดีกว่าจะจับมือกับก้าวไกล ที่ชูธงเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯ ที่ฝ่ายเพื่อไทยไม่ยอมเสี่ยงด้วย

อีกทั้ง การที่ บิ๊กป้อม มีส.ว.ในมือจำนวนหนึ่งอย่างน้อย หากกดปุ่มกันจริงๆ ก็น่าจะระดับไม่ต่ำกว่า 100 เสียง ทำให้หากเพื่อไทย กับพลังประชารัฐ จับมือกัน ตั้งรัฐบาลสมมุติว่าได้สัก 300 เสียง แล้วมีส.ว.มาร่วมโหวตนายกฯ-ตั้งรัฐบาลด้วย อีกแค่ 76 เสียง มันก็ได้แล้ว 376 เสียง ก็ตั้งรัฐบาล เลือกนายกฯ ได้สบาย

ดังนั้น ที่หลายกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐ ไม่ย้ายออกไป โดยเฉพาะย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ เพื่อไปอยู่กับพลเอกประยุทธ์ ก็ด้วยเหตุนี้ คือ อยู่พลังประชารัฐ ต่อไป ยังไง ก็การันตี การเป็นรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีจับมือกับเพื่อไทยหรือแม้แต่กรณี พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน หากสุดท้ายหลังเลือกตั้ง ถ้าทั้งพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา จับมือกันแล้วมีเสียงส.ส.มากกว่า 250 เสียง แล้วแพ็กกันแน่น ตกลงเรื่องเก้าอี้นายกฯกันได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ยังไง พลังประชารัฐ ก็ได้เป็นรัฐบาลเช่นกัน 

เผลอๆ หากแม้ ภูมิใจไทยได้ส.ส.มาอันดับสอง แต่หากบิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ จับมือกันแล้วมีเสียงมากกว่า ภูมิใจไทย อีกทั้งสองลุง ยังมีส.ว.ที่ประสานได้อีกก็ร่วมเกือบสองร้อยเสียง โดยทั้งสองคน หากยืนยันต้องให้ นายกฯมาจาก “สองลุง” คือไม่ป้อม ก็ตู่ แบบนี้ อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็อาจต้องยอมหลีกทางให้

เผลอๆ ไม่แน่ ตู่ อาจยอมหลีกทางให้ ป้อม ก็ได้ ตามยุทธการ แยกกันเดิน มารวมกันหลังเลือกตั้ง อย่างที่พูดกันมาตั้งแต่ตอน บิ๊กตู่ แยกตัวไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ทั้งหมด คือไพ่ในมือและหมากที่เหนือชั้นของ บิ๊กป้อม ที่ลุยทำพลังประชารัฐต่อไป บนความเป็นไปได้สูงที่การันตีความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลในขั้วเพื่อไทยหรือขั้วพรรครัฐบาลปัจจุบัน  อีกทั้ง ยังมีสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้นายกฯ ได้ด้วย เพียงแต่ พลังประชารัฐ ต้องทำยอด ให้ได้ส.ส.เข้าสภาฯให้มากที่สุด อย่างน้อยๆ ก็ควรไม่ต่ำกว่า 80 เสียง และบิ๊กป้อม ต้องคุมเสียงส.ว.ให้ได้เยอะที่สุด ชนิดกดปุ่มสั่งการได้ทุกเมื่อในระดับขั้นต่ำ 100 เสียง 

ถ้าทำได้ทุกอย่างตามนี้ “บิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ” จะเนื้อหอมและมีอำนาจการต่อรองทางการเมืองสูงมากแน่นอน หลังเลือกตั้ง 

แสดงความเห็น