“บิ๊กโจ๊ก” จ่อฟัน ตำรวจเอื้อทุนจีนเทาไม่เว้นเพื่อนร่วมรุ่น ชี้ ยังไม่เข้าข่ายคดีข้ามชาติ 

บิ๊กโจ๊ก จ่อฟัน ตำรวจเอื้อทุนจีนเทาไม่เว้นเพื่อนร่วมรุ่น คาด 2 สัปดาห์ชัด ชี้ ยังไม่เข้าข่ายคดีข้ามชาติ ยอมรับ “ชูวิทย์” มีข้อมูลเชิงลึกมากกว่าตำรวจ ส่งผลก้าวหน้า 90%  

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนกลุ่มธุรกิจคนจีนผิดกฎหมายว่า คำสั่ง ผบ.ตร. ที่มอบหมายให้พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และมอบหมายให้ผมกำกับ ฉะนั้นอำนาจที่แท้จริงในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน หรือสำนวนที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดไปลงโทษเป็นอำนาจของผบช.น. ส่วนที่ผมไล่จับอยู่ขณะนี้ เริ่มตั้งแต่ท็อปวัน จากนั้น ผบช.น.ก็เข้าไปจับผับจินหลิง  โดยในคดีนอกราชอาณาจักร ขออธิบายว่า จะต้องมีลักษณะดังนี้

1.เป็นการกระทำความผิดที่มีการเตรียมการ วางแผนกันนอกประเทศแล้วเข้ามาก่อเหตุในประเทศ หากเรายืนยันอย่างนั้นจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการวางแผนกันนอกประเทศจริง ตั้งแต่ต้นผมและพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้จับกุมสืบสวนมาโดยตลอด แต่ขณะที่ทำอยู่ ยังไม่พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการทำมาตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ จากรายงานการสืบสวนที่พบ ยังปรากฏว่ามีการดำเนินการจากนอกประเทศ 

2.เรื่องยาเสพติด จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ายาเสพติดเข้ามาจากต่างประเทศจริง หากยังสืบสวนสอบสวนไม่ได้ว่ายาเสพติดนำมาจากที่ไหน จะนำไปเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ส่วนตัวมองว่ายังไม่ถึง ทั้งนี้ได้ส่งรายงานการสืบสวนไปให้ผบช.น. แล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนความผิดนอกราชอาณาจักรที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บอกว่ามีข้อมูล ตำรวจจะต้องรับฟังเขาก่อน แต่จากชุดพนักงานสืบสวนของตนที่ส่งรายละเอียดไปให้กับผบช.น. ยังไม่พบว่า ยาเสพติดถูกสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะคนที่ทำ “แฮปปี้ วอเตอร์” ให้ข้อมูลว่าไม่ได้นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ได้มีการผสมเองในประเทศไทย และไม่ได้มีการขนลำเลียงเป็นล็อตๆ มาจากต่างประเทศ

อีกทั้ง ไม่พบการโอนเงินไปยังต่างประเทศ จึงยังไม่พบความผิดในส่วนนี้ และไม่สามารถแจ้งข้อหาอาชญากรข้ามชาติได้ เช่นเดียวกับคดียาเสพติดทั่วไปที่จับได้หากจะดำเนินคดีความผิดอาชญากรข้ามชาติ ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการวางแผนนำเข้าประเทศอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะหากนำเสนออัยการแล้วก็จะสั่งไม่ฟ้อง

ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า พบข้อมูลว่าเข้าข่ายความผิดอาชญากรข้ามชาตินั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า น่าจะได้รับข้อมูลการสืบสวนมาจาก ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน และเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามกฎหมาย ส่วนในชุดสืบสวนของตัวเองนั้น เป็นการตั้งขึ้นมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำกับดูแล และร่วมสืบสวนเพื่อนำความเห็นส่งไปให้ผบช.น.เท่านั้น

ส่วนกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของสถานบริการกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของจินหลิงผับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ เป็นการแจ้งข้อหาของชุดสืบสวนนครบาลที่พบหลักฐานในขณะนั้น และที่ผ่านมา ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนจึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบว่าได้สั่งไม่ฟ้องในข้อหานี้แล้ว และเพิ่งมาทราบว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ถูกแจ้งข้อหา ก่อนที่นายชูวิทย์ออกมาให้ข้อมูลก่อน 1 วัน

ขณะที่การสืบสวนดำเนินการไปแล้วร้อยละ 90 และกำลังดำเนินคดีกับตำรวจ ทั้งนายพล และชั้นประทวนที่เกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ ไม่เว้นแต่เพื่อนร่วมรุ่นของตัวเอง ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ ยอมรับว่าข้อมูลของนายชูวิทย์ ที่ได้นำมาให้ตำรวจก็ถือเป็นข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ซึ่งได้รวบรวมส่งไปให้ผบช.น.ต่อ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันไม่น้อยใจที่ภาคประชาชนจะมีข้อมูลเชิงลึกกว่าตำรวจ เพราะที่ผ่านมาก็รับข้อมูลของทุกฝ่ายมาสืบสวนทั้งหมด ทั้งนี้ตำรวจต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โปร่งใส

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเรียกคณะทำงานทั้งหมดมาประชุมสรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แสดงความเห็น