“ทูตออสเตรเลีย” เข้าพบ รมว.ยุติธรรม แสดงความเสียใจ เหตุสะเทือนขวัญ หนองบัวลำภู 

“ทูตออสเตรเลีย” เข้าพบ รมว.ยุติธรรม ร่วมแสดงความเสียใจ เหตุสะเทือนขวัญ จ.หนองบัวลำภู พร้อมช่วยเหลือทุกด้านหากต้องการ ขณะ “สมศักดิ์”ยกเป็นเคสตัวอย่าง เพื่อแยกประเภทคนติดยา ชี้ อาการหลอนอยู่นอกมาตรการปราบปราม เผย การบำบัด ก.สาธารณสุข แม่งานหลัก โอด คนไม่เข้าใจ พุ่งมาที่หน่วยปราบยา จี้ ช่องโหว่การแก้ปัญหา มีหลายกระทรวงเกี่ยวข้อง 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นางสาวแอนเจลา เจน แม็กดอนัลด์ (Ms Angela Jane Macdonald) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เพื่อหารือข้อราชการ และแนวทางการปราบปรามยาเสพติด ที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับ 1. การเยือนออสเตรเลียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือระดับนโยบายและศึกษาดูงานว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่างไทย – ออสเตรเลีย ณ นครซิดนีย์ และแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 23 กันยายน –  1 ตุลาคม 2565 และ 2. ความคืบหน้าการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลออสเตรเลียในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งมีกำหนดลงนามในห้วงการเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย ในเดือนพฤศจิกายน 2565 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณออสเตรเลีย ที่ให้การต้อนรับขณะเดินทางเยือน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งทำให้ได้รับทราบว่า หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของทั้ง 2 ประเทศ มีความใกล้ชิด และทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมาก รวมถึงได้เข้าศึกษาศาลยาเสพติดของออสเตรเลีย ที่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้เสพ เพื่อให้มีจิตใจที่อ่อนลง รวมถึงขอขอบคุณ ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนการยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพราะไทย ได้เน้นการตัดวงจร ตามกฎหมายใหม่ เพื่อไม่ให้มีกำลังและขยายเครือข่ายได้ จึงนับเป็นความร่วมมือที่ดี ที่ไทยเอง ก็จะได้ยกระดับเครื่องมือให้ทันสมัยตามที่ออสเตรเลียแนะนำด้วย

ขณะที่ นางสาวแอนเจลา กล่าวว่า ในนามออสเตรเลีย ขอแสดงความเสียใจกับเหตุสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และน่าเป็นห่วงอย่างมาก ดังนั้น หากประเทศไทย ต้องการความช่วยเหลือในด้านใด ก็พร้อมสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมา ไทย ก็ให้ความช่วยเหลือออสเตรเลีย อย่าง กรณีไฟไหม้ป่า พร้อมขอชื่นชม การทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว และมีศักยภาพมาก ซึ่งเรื่องนี้ ก็มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ทั้ง 2 ประเทศต้องร่วมมือกันปราบปรามต่อไป โดยที่ผ่านมา เราก็มีการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ในการสกัดกั้นยาเสพติด ได้จำนวนมาก 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณีเหตุสะเทือนขวัญ ควรนำมาเป็นเคสตัวอย่าง ให้แต่ละประเทศได้ศึกษา เพื่อที่จะได้แยกผู้เสพยาเสพติดในแต่ละประเภท ให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหา เพราะมาตรการปราบปรามยาเสพติด มีหลายมาตรการ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุ อาจมีอาการหลอน ซึ่งจะเป็นเรื่องนอกเหนือจากมาตรการป้องกันปราบปราม เพราะจะอยู่ในส่วนของการบำบัดฟื้นฟู ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยสิ่งเหล่านี้ เราต้องสร้างการรับรู้ให้กับสังคมว่า คนเหล่านี้ ไม่เข้ารับการบำบัด และกินยาอย่างต่อเนื่อง 

“เวลาเกิดเหตุแบบนี้ สังคมก็จะมุ่งมาที่การแก้ปัญหายาเสพติด ทั้งที่ผ่านมา เรามีการทำงานกันอย่างหนัก จนสามารถยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว และในปีหน้า ก็ตั้งเป้า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเวลาเกิดเหตุ ผลการทำงานปราบปรามอย่างหนัก ก็แทบไม่มีความหมาย ดังนั้น ผมมองว่า การที่มีหลายหน่วยงานร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องเดียว อาจเป็นช่องโหว่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะต้องเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง อาจทำให้ไม่มีความชัดเจนว่า เป็นหน้าที่ใคร ที่ต้องทำให้คนเหล่านี้ กลับมาเป็นคนดี” รมว.ยุติธรรม กล่าว 

แสดงความเห็น