“สมศักดิ์” เปิดกระทรวง สธ. ฟังความเห็นปมกัญชา 2 ฝ่าย ยันเดินหน้าดึงกลับยาเสพติด เพื่อควบคุมการใช้ เหตุ ไม่มีเวลาพอทำกฎหมาย ย้ำ ฟังความเห็นทุกฝ่าย แย้ม ประกาศกฎกระทรวงจะมี 3 เรื่อง ขณะที่ กลุ่มผู้คัดค้าน ชิ่งเดินออกห้องประชุม หลังความเห็นไม่ตรงกัน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฟังความคิดเห็นผู้ประกอบการธุรกิจกัญชา ทั้งชาวไทย ต่างชาติ และกลุ่มคัดค้านการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ มีกลุ่มทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด มาแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนขอยืนยันว่า อยากฟังความชัดเจนจากทุกฝ่าย เพราะขณะนี้ เราเปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องประกาศกฎกระทรวงไปแล้วว่าให้กัญชาบางส่วนเป็นยาเสพติด โดยเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลที่ประกาศไว้ ให้ใช้ทางการแพทย์ และเศรษฐกิจสุขภาพ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย ส่วนจะมีข้อห้ามอะไรบ้าง ก็เป็นไปตามข้อห้ามยาเสพติด แต่จะเปิดโอกาสให้ทำได้ ด้วยการขออนุญาต เช่น สถานบำบัด แต่ต้องมีแพทย์ หรือ แพทย์แผนไทยควบคุม จากนี้ เราก็จะออกกฎกระทรวงตามมาอีก เพราะตอนนี้ ดำเนินการ 1 ใน 3 ซึ่งต้องมีทั้งหมด 3 เรื่อง 1.ประกาศเป็นยาเสพติด 2.กฎกระทรวงวิธีใช้ และ 3.การอนุญาต โดยตนขอยืนยันว่า เข้าใจธุรกิจ แต่อะไรที่ปล่อยเสียหาย เช่น เด็ก ก็จะปล่อยเสียไม่ได้ เราต้องเข้มงวดเรื่องเหล่านี้ ซึ่งต้องห้ามสันทนาการ โดยให้ใช้ทางการแพทย์
ขณะที่ ผู้ประกอบการต่างชาติ กล่าวว่า เห็นด้วยกับทิศทางส่งเสริมทางการแพทย์ เพราะร้านขายกัญชา ควรมีแพทย์ หรือ แพทย์แผนไทย ช่วยแนะนำ ซึ่งผู้ประกอบการ ไม่เห็นด้วยที่จะให้สูบกัญชาเสรี เพราะควรอยู่ในการควบคุมอย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้รัฐบาล ออกกฎกติกาให้ชัดเจน โดยพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
ด้านผู้คัดค้านการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด กล่าวว่า วันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางมาจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อเรียกร้อง 2 ประการ 1.อยากให้คุมกัญชาโดย พรบ.กัญชา 2.ตั้งกรรมการร่วม เพราะท่ามกลางความขัดแย้ง ต้องตั้งกรรมการร่วม ซึ่งขอว่าอย่าตั้งธงก่อนว่า จะคุมกัญชาด้วยอะไร ซึ่งถ้าเอากัญชากลับยาเสพติด ตนมองว่า ก็จะดึงกลับใต้ดิน ไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้ โดยทุกคนเห็นตรงกันว่า กัญชาต้องคุม แต่แบบไหนจะสามารถควบคุมได้ดีกว่ากัน เราก็มองว่า พรบ. แต่รัฐบาล มองว่า ดึงกลับยาเสพติด จึงควรตั้งกรรมการร่วมศึกษาวิจัย คาดว่า 1-2 เดือน จะได้ความชัดเจน ถ้าผลศึกษาพบว่า กัญชาร้าย จะคุมด้วยกฎหมายยาเสพติด ตนไม่ติดเลย
นายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า กลุ่มคัดค้าน อยากใช้กัญชาเป็นยา ซึ่งตนขอยืนยันว่า แม้จะเป็นประกาศกระทรวง ก็สามารถทำได้ ไม่ได้ห้าม เป็นน้ำมันทางการแพทย์ได้เลย แต่ต้องมีการควบคุม ส่วนประเด็นกฎหมายภาคประชาชนเสนอ ก็เป็นช่องทาง แต่ตนทำกฎหมายไม่ได้ เนื่องจากมีเวลาน้อย เพราะประมวลกฎหมายยาเสพติด ต้องทำกฎหมายอื่นให้เสร็จ ภายใน 2 ปี แต่ขณะนี้เลยมาแล้ว ต้องขอสภาฯต่ออีก 2 ปี ซึ่งจะครบ พ.ย.นี้ โดยในนามกระทรวง เราก็ต้องทำไม่ให้เกิดความวุ่นวายเสียหาย ซึ่งตนทำเร็วสุดคือ ประกาศกฎกระทรวง เป็นแนวทางยาเสพติดแบบอ่อนๆ และเขียนใช้ทางการแพทย์ โดยตนไม่ได้ตัดสิทธิประชาชนทำกฎหมาย ซึ่งถ้าทำจบ ประกาศกระทรวงก็ตกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการรับฟังความเห็น นายสมศักดิ์ ได้พยายามอธิบายแนวทางการแก้ปัญหา แต่กลุ่มคัดค้านเห็นต่าง จึงพร้อมใจกันเดินออกจากห้องประชุมทันที
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า ประกาศกฎกระทรวงต้องประกาศอยู่แล้ว โดยความคิดเห็นก็ต้องรับฟัง ถ้าด้วยเหตุและผลก็สามารถไปได้
เมื่อถามว่า กลุ่มคัดค้านเดินออกจากห้องประชุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดกันจนจบแล้ว และได้แสดงจุดยืนจนครบ โดยตนก็พยายามอธิบายเรื่องกฎหมายให้ทราบ
เมื่อถามว่า กลุ่มคัดค้าน จะรวม 1 หมื่นรายชื่อกดดัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการกดดัน ถูกต้องที่ไหน เรื่องที่ถูกต้อง คือ เหตุผล ซึ่งถ้าดูจากการรับฟังความคิดเห็นขณะนี้ ฝ่ายไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับเป็นยาเสพติดมากกว่าด้วยซ้ำ แต่การรับฟังความเห็นเพิ่งเริ่ม จะครบวันที่ 25 มิ.ย.นี้
เมื่อถามว่า หากประกาศกฎกระทรวง ประชาชนที่ปลูกกัญชาต้องถูกจับเลยหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยัง เพราะหากเร็วสุดก็จะมีผล 1 ม.ค.68 ดังนั้น ต้นกัญชาที่ปลูก ก็จะตายไปหมดแล้ว เนื่องจากมีอายุ 90-100 วัน ส่วนแผนรับมือผู้ชุมนุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าด้วยเหตุผลก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่มีเหตุผล ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร