”สมศักดิ์“ แจงเหตุไม่เชิญกลุ่มต้านกัญชากลับเป็นยาเสพติดร่วมเวที หวั่นปะทะกัน 

”สมศักดิ์“ แจงเหตุไม่เชิญกลุ่มต้านกัญชากลับเป็นยาเสพติดร่วมเวที หวั่นปะทะกัน สั่งโฆษกชี้แจงข้อมูลต้นทุนค่ารักษาพยาบาลพุ่งจาก 2 พันล้าน เป็น 3 หมื่นล้าน เผยดึงกลับเป็นยาเสพติดควบคุมง่ายกว่า ชี้ เคยออกพ.ร.บ.ไม่ผ่าน – สร้างความขัดแย้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยออกมาท้วงติงถึงการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น ที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่าไม่มีความรอบด้าน เพราะนำแต่กลุ่มต้านมาร่วมเวที ว่า ไม่เป็นความจริง ถ้าย้อนไปวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มที่คัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมาให้ข้อมูลครบถ้วนกับตนแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการจัดสัมมนาจึงไม่ได้มีการนัดหมายให้มาพร้อมกัน เพราะเกรงว่าจะปะทะคารมกันแล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง โดยขณะนี้เรามีตัวเลข และสถิติมากมาย เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาเรื่องไอคิว ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อาทิ จากสถาบันการศึกษา แพทย์ และฝั่งประเทศตะวันตก ซึ่งหลังจากนี้จะให้โฆษกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกัญชาชี้แจง

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยติดใจเรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายที่อ้างว่า ค่ารักษาผู้ป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท ว่ามีข้อมูลที่มีความชัดเจน และยืนยันได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มี และเป็นข้อมูลจากสถาบันทางราชการ โดยมหาวิทยาลัยมีการทำวิเคราะห์ไว้

เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วเรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันว่าไม่อยากให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยให้มีการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อควบคุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออกพ.ร.บ. ถ้าง่ายก็ผ่านสภาแล้ว แต่การออกพ.ร.บ. ไม่ผ่านตั้งแต่สภาสมัยที่แล้ว แสดงว่ามีความเห็นขัดแย้ง แล้วมาเถียงกันเรื่องประเด็นเล็กๆน้อยๆ จนทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งตนยืนยันว่าถ้าบอกว่าเป็นยาเสพติด เราก็ต้องมีกฎหมายรองหรือกฎกระทรวงว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ต้องถึงขั้นออกกฎหมายในสภา 

เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุขจะนำเรื่องเข้าบอร์ดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) เพื่อดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดตอนไหน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอให้ทำเรื่องยาบ้าจบก่อน ซึ่งจะจบภายในสัปดาห์นี้ และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 11 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะทำเรื่องกัญชาซึ่งต้องออกกฎกระทรวงหลายฉบับ ถ้าบอกว่าเป็นยาเสพติดก็ต้องประกาศเป็นยาเสพติด และทำกฎกระทรวงออกมารองรับ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดหรือไม่นำกลับมาเป็นยาเสพติด ยังมีอะไรที่ต้องอธิบายความอีกมาก ถ้าเราเขียนให้เป็นยาเสพติดก็ต้องมีคำอธิบายตามมาคือกฎกระทรวง แต่ถ้าไม่นำกลับมาเป็นยาเสพติดก็ต้องเขียนในกฎหมายพืชกัญชาว่าอะไรที่ทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ปรารถนาคือเรื่องการดำเนินการทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และสุขภาพ ซึ่งทั้งสองความเห็นดังกล่าวมีความปรารถนาเหมือนกัน แต่การที่จะบันทึกไว้ในกฎหมาย หรือกฎหมายรอง ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ตนตรงไปตรงมาคือทำเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และสุขภาพ ซึ่งเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเคยแถลงไว้ที่สภา

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้ามีการเขียนกฎหมาย กัญชาก็จะระบุว่าอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เขียนก็สามารถทำได้หมด ซึ่งตนเกรงว่ามันจะไปในเรื่องของสันทนาการ เพราะหากเขียนควบคุมเรื่องสันทนาการ ก็เกรงว่าจะเขียนได้ไม่ครบ แต่ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติดจะมีกฎหมายยาเสพติดเขียนห้ามไว้หมดอยู่แล้ว

“ผมไม่ต้องการให้มีสถานการณ์ จึงทำให้ชัดเจนว่าให้เป็นยาเสพติดไปเลย อะไรที่ให้ทำตามประกาศตามที่นายกฯแถลงไว้ เราก็เขียนให้ทำได้” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น