นับถอยหลังตัดสินคดีบิ๊กตู่ประเมินกลุ่มป่วน หลัง 30 ก.ย.  

ประเมินกลุ่มเคลื่อนไหวที่จะออกมาในช่วงก่อนและหลังศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคดีแปดปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลนัดชี้ชะตาวันศุกร์นี้ 30 ก.ย. พบว่า ที่เปิดตัวเด่นชัด ยังมีแค่ “คณะหลอมรวมประชาชน” ที่นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ และนิติธร ล้ำเหลือ ที่โหมโรง จุดไฟไล่ “3 ป.” มาร่วมสองเดือนแล้ว ตั้งแต่นัดชุมนุมลานคนเมือง หน้าศาลากทม. จนไปถึงแยกราชประสงค์ แต่ “ยังจุดไม่ติด” กระแสขานรับไม่ค่อยมี กระนั้น พบว่า “ตู่-นกเขา”ยังกัดฟันไล่ต่อ โดยนัดหมายวันศุกร์นี้ 30 ก.ย. ตั้งแต่ห้าโมงเย็น ที่ราชประสงค์ ที่ถึงตอนนั้น คนไทยทั้งประเทศ รู้ผลคำตัดสินออกมาแล้วว่า 

“บิ๊กตู่ รอดหรือร่วง” จากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี 

ประเมินดูแล้ว นัดหมายครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดพีคสุดของม็อบจตุพร-นิติธรแล้ว เพราะไทม์มิ่งลงตัวที่สุด

เพราะวันดังกล่าว หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พลเอกประยุทธ์ ยังได้ไปต่อคือยังได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหลัง 24 ก.ย. ก็คาดว่า ประชาชนกลุ่มไม่เอาประยุทธ์-ต้าน 3 ป.และชังรัฐบาล ก็คง “อารมณ์ค้าง” ไม่พอใจ กับผลคำตัดสิน และอาจจะออกมาร่วมแสดงออกในการชุมนุมดังกล่าวเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่หาก ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินว่า พลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถเป็นนายกฯได้อีกต่อไปเพราะเป็นนายกฯมาครบแปดปีแล้ว โดยผลคำวินิจฉัยให้นับตั้งแต่เป็นนายกฯรอบแรกเมื่อปี 2557 ทำให้ไม่สามารถเป็นนายกฯได้อีกหลัง 24 ก.ย. 2565 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ก็อีกเช่นกัน กลุ่มคนที่ไม่ชอบบิ๊กตู่-ต้านรัฐบาล-ไม่เอา 3 ป.ก็อาจสะใจ และมีอารมณ์ร่วมอยากไปแสดงออกเชิงดีใจที่พลเอกประยุทธ์หลุดจากนายกฯเสียที จนก็อาจไปร่วมแสดงออกกับม็อบที่ราชประสงค์ก็ได้ 

เรียกได้ว่า นัดหมาย 30 ก.ย.นี้ ไม่ว่าผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแบบไหน กลุ่มคนที่ไม่เอาประยุทธ์ ต้านรัฐบาล เบื่อ 3 ป. หากอารมณ์ค้าง หรืออยากแสดงออก ก็อาจจะไปร่วมชุมนุมด้วย ตามที่จตุพร-นิติธร ประกาศไว้ มากกว่าทุกนัดที่ม็อบจตุพรนัดหมายกันมาหลายครั้ง 

ยิ่งวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน เงินเดือนออก ก็ทำให้อาจจะมีคนไปเที่ยวจับจ่ายซื้อของ สังสรรค์บริเวณดังกล่าวที่เป็นใจกลางเมืองอยู่แล้ว และพอรู้ว่า มีการชุมนุม ก็อาจไปร่วมสังเกตการณ์หรือแสดงออกด้วย จนทำให้เป็นการชุมนุมที่อาจคึกคักไม่น้อย 

ซึ่งหากการเคลื่อนไหวชุมนุม 30 ก.ย.นี้ สุดท้าย ม็อบจตุพร-นิติธร ยังคนน้อย คนไม่สนใจ คนมาร่วมด้วยน้อย ทั้งที่เป็นการนัดชุมนุมที่ไทม์มิ่งการเมือง เหมาะที่สุดแล้วที่จะมีการเคลื่อนไหวแสดงออกทางการเมือง  มันก็คือคำตอบที่ดีที่สุดแล้วว่า ม็อบจตุพร-นิติธร ไม่ได้ไปต่อ กลุ่มคณะหลอมรวมฯ ก็คงได้เวลาพิจารณาตัวเองเสียที 

ส่วนแนวร่วมอื่นๆ พบว่า ยังไม่มีการนัดหมายอะไรออกมา แม้ล่าสุด “เจ๊เจี๊ยบ-อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล” ซึ่งที่ผ่านมาเปิดตัวสนับสนุนม็อบสามนิ้วและม็อบไล่รัฐบาลมาตลอด โพสต์ข้อความผ่าน facebook ส่วนตัวเมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ระบุตอนหนึ่งว่า “ถ้าหวยออกมาว่าเริ่มปี 62 กูออกจากสภามานำเองเลย sus”

ด้าน ส.ส.รัฐบาล “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์” ประเมินไว้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญให้พลเอกประยุทธ์ยังได้เป็นนายกฯต่อไป หากออกมาทางนี้ ม็อบอาจจะกลับมาชุกชุมมาก เพราะกระแสต่อต้านบิ๊กตู่จะสอดรับกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นม็อบมีเบื้องหลัง แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็น่าจะประคับประคองกันไปได้ 

ทั้งหมดคือภาพรวมๆของการส่องกล้องมองการเมืองนอกศาลรัฐธรรมนูญที่มีต่อการนัดอ่านคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญในคดีแปดปีบิ๊กตู่วันศุกร์นี้ ที่คาดว่าจะรู้ผลไม่เกิน 16.30 น. 

อย่างไรก็ตาม วิเคราะห์ทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ต่อผลการตัดสินคดีของบิ๊กตู่ ประเมินได้ว่า หากสุดท้าย บิ๊กตู่ ไม่รอด ต้องหลุดจากนายกฯ กองเชียร์พลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ยังไง ก็คงไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไร เพราะจะเป็นการย้อนแย้งกับสิ่งที่กลุ่มหนุนรัฐบาลพูดมาตลอดว่า “ต้องเคารพคำตัดสิน” ของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม แม้พลเอกประยุทธ์จะไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว และรัฐบาลก็จะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการในช่วงรอการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ก็จะพบว่า ฝ่ายรัฐบาล ก็ยังถือไพ่ในมือเหนือกว่าฝ่ายค้าน และฝ่ายตรงข้ามบิ๊กตู่ในฐานะกุมเสียงข้างมากในสภาฯ และยังมีเสียงส.ว.อีกจำนวนมากที่พร้อมโหวตเคียงข้างฝ่ายรัฐบาลในการโหวตเลือกนายกฯเพื่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่ จุดนี้ ย่อมทำให้กองเชียร์บิ๊กตู่-กองเชียร์รัฐบาล  ยังไง ก็ยังพอใจอยู่ จึงทำให้ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวก่อหวอด ตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล จนมีการก่อม็อบอะไรทั้งสิ้น 

แต่หากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องให้พลเอกประยุทธ์ ยังได้ไปต่อ ไม่ต้องหลุดจากนายกฯ ถ้าเป็นแบบนี้ “กลุ่มไม่เอาบิ๊กตู่ กลุ่มต้านรัฐบาลและ 3 ป.” ย่อมไม่พอใจแน่ และอาจมีการเคลื่อนไหวแสดงออกในลักษณะไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับคำตัดสิน แต่ก็คาดว่า การเคลื่อนไหวคงไม่รุนแรง แตกหักอะไร อาจจะเคลื่อนไหวกันเป็นพัก จะพีคสุดก็แค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ 1-2 ตุลาคม นี้เท่านั้น แล้วก็ค่อยๆซาไปเอง  

เหตุสำคัญก็เพราะว่า ยังไงเสีย รัฐบาลบิ๊กตู่ ก็อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน เต็มที่ก็แค่ประมาณ 8 เดือน ก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่แล้วในวันที่ 7 พ.ค. 2566 หากไม่มีการยุบสภาฯเสียก่อน ตามที่กกต.เปิดโรดแมปออกมา แต่หากยุบสภาฯ ซึ่งดูแล้วมีโอกาสสูง เพื่อปลดล็อกเรื่องสังกัดพรรค 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง ให้เหลือ 30 วันจนถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้น กลุ่มไม่เอาประยุทธ์ ไม่เอารัฐบาล ก็รออีกแค่อึดใจ ก็สามารถเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง เปลี่ยนรัฐบาลด้วยการเลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม เช่น เพื่อไทย-ก้าวไกล เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนรัฐบาลตามครรลองประชาธิปไตยที่ดีและได้ผลกว่า การไปก่อม็อบ 

เพราะถึงไม่พอใจคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาประท้วงยังไง ก็ไม่เป็นผล ประท้วงให้ตาย ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำตัดสินได้ ครั้นจะประท้วงไล่ประยุทธ์ ก็เหนื่อยเปล่า เพราะอีกแค่ 8 เดือนก็เลือกตั้งแล้ว ถ้าเลือกตั้งออกมา ฝ่ายเพื่อไทย-ก้าวไกลและพรรคพันธมิตร จับมือกันตั้งรัฐบาลได้ มีส.ส.เกิน 250 เสียงไปเยอะ เช่น 280 เสียง ทำให้ยังไงเสีย  ส.ว. 250 เสียงที่โหวตนายกฯได้ ก็ไม่สามารถสกัดเพื่อไทยได้ 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการประเมินกันว่า หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ม็อบ-กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อาจไม่พอใจคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคงมีบ้าง แต่จะมี “เฉพาะกรณี ให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯได้ต่อไป แต่ก็จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ยืดเยื้อ บานปลาย” เว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษแทรกซ้อนเข้ามา เช่น มีการเลือกนายกฯคนนอก แบบค้านสายตาประชาชน เช่น ดันพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามาเป็นนายกฯคนนอก จนเกิดกระแส 3 ป.สืบทอดอำนาจ ถ้าแบบนี้ ก็อาจมีความไม่พอใจเกิดขึ้นบ้าง ส่วนจะบานปลายหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์เป็นช่วงๆ 

แต่เอาเฉพาะหน้ากันก่อน คือศุกร์นี้ 30  ก.ย. คนไทยทั้งประเทศได้ลุ้นระทึก กันว่า ประเทศไทย จะมีนายกฯคนเดิมชื่อพลเอกประยุทธ์ หรือจะต้องเลือกนายกฯคนใหม่เพราะพลเอกประยุทธ์หลุดจากเก้าอี้ ศุกร์นี้ ได้รู้กัน 

แสดงความเห็น