
“วิษณุ” บอกเรื่องเสื่อมวงการสงฆ์ไม่ได้เพิ่งเกิด เชื่อ ยิ่งสอบยิ่งเจอ เตือน ลูกศิษย์-พระหาผลประโยชน์พระสูงอายุ-อาพาธระวังผิดกม. ชี้ ปชช.ช่วยชี้เบาะแสเป็นเรื่องดี แต่ขอให้เป็นข้อมูลที่ไม่ได้ปั้นแต่ง
ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องไม่เหมาะสมในวงการสงฆ์ ว่า นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ได้บอกไปหลายเรื่องแล้ว ให้เอาตามนั้น เพราะเป็นผู้ดูแลพศ. ส่วนตนเป็นเพียงผู้กำกับอีกชั้นหนึ่งเท่านั้น หลายเรื่องอาจจะไม่ทราบ
เมื่อถามถึงกรณีเกิดประเด็นในทางลบเกี่ยวกับพระสงฆ์ต่อเนื่อง นายวิษณุกล่าวว่า เคสเยอะขึ้นทุกวัน ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด แต่เมื่อมีการตรวจอย่างจริงจังจึงพบ และยังจะพบอีกเยอะ เหมือนกับการทุจริตคอรัปชั่นที่พบว่ามีจำนวนมาก ไม่ใช่มากเพราะเพิ่งจะเกิด แต่มีมานานแล้วเพิ่งไปตรวจกัน เพิ่งกล้าตรวจ และเอาจริงเอาจังในการตรวจ ตรวจแล้วก็พบ
เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นถูกมองว่าเป็นความเสื่อมจะเรียกศรัทธากลับคืนมาได้อย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า เป็นอีกเรื่องนึง เอาไว้ว่ากันยาว จะมาตอบสั้นๆตรงนี้ไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีลูกศิษย์หาผลประโยชน์จากพระผู้ใหญ่ที่อาพาธ และเป็นอัลไซเมอร์จะป้องกันและแก้ไขอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า เราไม่ได้ให้ท่านมีตำแหน่งในทางปกครองหรือบังคับบัญชา หรือที่เรียกว่าพระสังฆาธิการ ดังนั้น การบวชและอยู่นานก็อยู่ไป ไม่มีปัญหา พระบางรูปอยู่ไปถึงอายุ 100 ปี ก็ไม่แปลก อย่างสมเด็จพระญาณวชิโรดม หรือหลวงพ่อวิริยังค์ แต่เวลาจะตั้งให้เป็นพระสังฆาธิการปกครองสงฆ์ เขาจะไม่ตั้ง อย่าว่าแต่อายุ 100 ปี บางที 80 ปีก็ไม่ตั้งแล้ว ส่วนกรณีมีลูกศิษย์ลูกหาไปหาผลประโยชน์นั้น ก็ต้องจัดการถ้าผิดกฎหมายหรือผิดวินัยสงฆ์
เมื่อถามถึงกรณีมีบุคคลทั่วไป เช่น นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เข้าไปช่วยตรวจสอบพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ แต่ปรากฏว่าถูกพระสงฆ์และลูกศิษย์ต่อต้าน อ้างว่าไม่ให้เกียรติพระพุทธศาสนา นายวิษณุกล่าวว่า ให้ยึดหลักโปร่งใส โดยโปร่งใสก็อาจจะมาได้จากคำแนะนำหรือการชี้เบาะแสของใครก็ได้ เหมือนกับเรื่องทุจริตที่รณรงค์ให้ประชาชนชี้เบาะแส แต่ต้องเป็นเบาะแสที่เป็นความจริง หรือไม่จริงแต่สงสัยโดยมีเหตุอันควรสงสัย ไม่ใช่ไปปั้นเติมเสริมแต่ง ถ้าอย่างนี้มีประโยชน์ อย่างนี้ทำได้
แสดงความเห็น
