ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ว่าเราได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ตอนนี้ ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่ม 608 และกลุ่มผู้สูงอายุเป็นลำดับแรกส่วนกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ให้รักษาแบบ Home Isolation ไปจนถึงการเข้าระบบ OPD เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ เรื่องเวชภัณฑ์ ได้จัดหามาเพิ่มแล้ว ทั้งนี้ ในคณะที่ปรึกษาเรื่องโควิด-19 ได้เสนอให้ผ่อนคลายมาตรการ ต้องไม่เข้มจนเกินไป แต่ก็ต้องให้คณะกรรมการทางวิชาการช่วยพิจารณา
เมื่อถามเรื่องบรรยากาศเล่นน้ำในหลายพื้นที่ ซึ่งสร้างความกังวลแก่ประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า ได้เตือนไปหมด ว่าแต่ละจังหวัดจะต้องช่วยกัน มีผู้ว่าราชการจังหวัดคอยดูแล เราต้องรู้ว่าอะไร DO หรือ DON’T ส่วนเรื่องการผ่อนคลายมาตรการ ขอให้พิจารณาจากทุกบริบท ทั้งเรื่องการทำมาหากิน เรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องความปลอดภัย เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอให้คนเดินทางเข้าประเทศไม่ต้องตรวจ RT-PCR แต่เปลี่ยนไปเป็น ATK นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้รอดูสถานการณ์ หลังสงกรานต์ไปก่อน หากมีความพร้อม ก็จะเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการพิจารณา
ขณะที่เรื่องการปรับให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ขอให้ดูรายละเอียด ทั้งยอดติดเชื้อ ยอดเสียชีวิต ฉีดวัคซีนได้กี่เปอร์เซ็นแล้ว ได้พยายามทำเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ตัวเลขปัจจุบันเราดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันไป ที่ผ่านมา 3-4 เดือน อัตราส่วนต่างๆ เป็นไปตามหลักสากล เราวางแผนไว้ว่าทำได้เร็วก็จะทำให้เร็วตามความจำเป็น แต่ขอไปอย่างหนึ่งว่าขอให้เรามีความพร้อมในทุกๆ ด้าน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อมีความพร้อมก็จะประกาศให้เป็นหลัก แต่ละจังหวัดก็ต้องมีการกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้เสียชีวิต จำนวนผู้ได้รับวัคซีน
“ที่ผ่านมา ช่วงสงกรานต์บุคลากรการแพทย์ ไม่ได้กลับบ้าน แต่อยู่ดูแลประชาชน เรื่องอุบัติเหตุ นับว่าไม่เกินขีดความสามารถในการจัดการ ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การระบาดของโควิด-19 ช่วงหลังสงกรานต์ เนื่องจากการสัญจรไปมา คนหมู่มากมีความใกล้ชิดกันมากก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้น แต่หากฉีดวัคซีนแล้วเมื่อเป็นโอมิครอนก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเกินความสามารถสาธารณสุขไทย สถานการณ์จะชัดเจนขึ้นในอีก 2 อาทิตย์ ถึงจะวางใจได้”