สามี ร้อง ยธ.ขอความเป็นธรรม ภรรยาถูกพี่เขยข่มขืน ก่อนจบชีวิต หลังศาลฎีกายกฟ้อง

ทนายรณรงค์ พาสามีและแม่ ร้องกระทรวงยุติธรรมขอความเป็นธรรม ภรรยาถูกพี่เขยข่มขืน ก่อนจบชีวิต หลังสู้มา 3 ปี ศาลฎีกายกฟ้องจำเลย ด้านสามีผู้เสียชีวิต ตัดพ้อ เสียความรู้สึกกับคำตัดสิน

ที่กระทรวงยุติธรรม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พานายจีรศักดิ์ กิ่งไทรย์ และนางเจนจิรา ชาเทพ สามีและแม่ของนางสาวพุ่มพวง กิ่งไทร ผู้เสียชีวิตที่กินยาฆ่าตัวตาย กรณีถูกข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่ปี2562 และสู้คดีมาตลอดเป็นระยะเวลา 3 ปี จนศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมี ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนมารับหนังสือ

โดยนายรณรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้มาเพื่อให้กระทรวงยุติธรรมช่วยตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีนี้อีกครั้ง และช่วยดูช่องทางทางกฎหมายว่ามีช่องหรือไม่ ที่จะหาคนร้ายตัวจริงให้ได้ เพราะครอบครัวเชื่อว่าผู้เสียชีวิตถูกกระทำ รวมถึงให้กรณีดังกล่าวเป็นการถอดบทเรียนให้กระบวนการยุติธรรมด้วย

ขณะที่ นายจีรศักดิ์ สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันเกิดเหตุ ครอบครัวสังสรรค์กัน ตนเองเห็นว่าภรรยาเมาจึงพาขึ้นไปอาบน้ำนอน หลังจากนั้นตนเองได้ลงมาเก็บของ และกลับขึ้นไปเห็นว่าผู้ตายฉี่รถที่นอน ก็เปลี่ยนกางเกงให้อีก และก็ลงมาแล้วกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้งเห็นภรรยาอยู่ในห้องน้ำร้องไห้ เลยถามภรรยาว่ามาได้ยังไง ภรรยาบอกว่าคลานมา แล้วตนเองราดน้ำให้สร่าง แล้วอุ้มไปอาบน้ำ จากนั้นภรรยา ก็คือผู้เสียชีวิตถามตนเองว่าได้มีอะไรกับเธอหรือเปล่า เมื่อตนเองบอกว่าไม่ได้มีอะไรด้วยภรรยาก็ร้องไห้หนัก และเล่าให้ตนเองฟังแต่ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนทำ เพราะตอนนั้นตนเองถือปืนไว้ ภรรยากลัวว่าจะไปยิงเลยไม่บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ภรรยายืนยันว่าจำหน้าคนทำได้ก่อนจะบอกภายหลังว่าเป็นพี่เขย แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พี่เขยก็ไม่เคยยอมรับ ตนเองและภรรยาจึงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อสู้กันยาวนานถึงสามปี ซึ่งในระหว่างนั้นทางพี่เขยก็ได้ขอไกล่เกลี่ยเสนอเป็นเงิน 500,000 บาท เพื่อขอให้ถอนฟ้องคดี ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ไปไกล่เกลี่ยเรื่องเงินกัน แต่ทางตนเองและภรรยาไม่รับเงิน ถ้าไม่ได้ทำผิดจริงแล้วจะเสนอเงินทำไม จึงได้ยืนหยัดจะต่อสู้เอาผิดตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ได้พิพากษา ลงโทษจำคุกนายดำ พี่เขย แต่ในชั้นฎีกากลับยกฟ้อง จนทำให้ภรรยาคิดสั้นฆ่าตัวตายที่บ้านพี่เขยที่อ้างว่าเป็นคนก่อเหตุ ซึ่งตั้งแต่หลังศาลฎีกามีคำพิพากษา ภรรยาก็มีลักษณะการตัดพ้อชีวิต กินข้าวไม่ได้ ผอม น้ำหนักลด เพราะเขามองว่า ไม่มีความยุติธรรมในชีวิตเขาเลย

พร้อมยอมรับว่า ตนเองเสียความรู้สึกกับคำตัดสิน เพราะต่อสู้มาเป็นเวลานาน จึงเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรมให้ช่วยหรือฟื้นคดีตรวจสอบอีกครั้ง เพราะอยากได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ได้อะไรกลับมาคนทำ ลอยนวล คนที่ตายก็คือตาย มันเสียความรู้สึก  ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางแม่และพี่สาว ก็ไม่มีใครเชื่อว่า นายดำพี่เขย เป็นคนทำ เพราะเขาไม่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ และยอมรับว่า นายดำ เขาเป็นคนดี

นายจีรศักดิ์ บอกอีกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาจึงยังไม่ทราบว่าเหตุผลที่ยกฟ้อง แต่ได้ไปฟังคำพิพากษาด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ฟังไม่ค่อยทัน และยังไม่ได้ไปขอคัดคำพิพากษาออกมา เพื่อจะดูว่าเขาเอาอะไรมาสู้กับเราถึงชนะ แต่แฟนมาเสียชีวิตก่อน

ด้าน นางเจนจิรา แม่ของผู้เสียชีวิต บอกด้วยว่า อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับลูก แม่ไม่ขออะไรมากกว่านี้ เพราะยังมีหลานอีก2คน ที่ต้องเติบโตขึ้นมาแล้วต้นทุนชีวิตน้อย ยอมรับว่า หัวอกคนเป็นแม่ใจก็สลายตั้งแต่รู้ว่าลูกกินยาฆ่าตัวตาย แล้วหลานแม่จะอยู่ยังไง เหลือพ่อคนเดียว ทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ไปหมด ทำให้แม่ต้องมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมในวันนี้

ด้านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ระบุว่า จะตั้งคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมมาศึกษาเรื่องนี้ว่ากระบวนการยุติธรรมมีข้อสังเกตอะไรบ้าง ข้อเท็จจริงปรากฏอะไร เหตุผลของศาลฎีกาที่ยกฟ้องมีประเด็นไหนบ้าง และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะถ้าศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ลงโทษแล้วว่ากระทำผิดจริง ก็ต้องเอามาพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นในสิ่งที่ยังสงสัย เพื่อตอบคำถามกับสังคมให้ชัดเจน ส่วนจะรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่อย่างไรนั้น ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากกระบวนการสิ้นสุดแล้วและผู้เสียหายเสียชีวิตไปแล้วด้วย แต่เรื่องนี้จะเป็นกรณีศึกษา และต้องเอาพยานหลักฐานในชั้นต้นและอุทธรณ์ มาทบทวน จนถึงปลายทางว่าทำไมจึงมีการกลับคำพิพากษาได้

แสดงความเห็น