รอง ผบ.ตร. สั่งจับตาเลือกตั้ง อบต. เตือนหัวคะแนน หากใช้ความรุนแรง-ทำผิดกม.ลต.พร้อมจับกุมทันที

รอง ผบ.ตร.  สั่งจับตาเลือกตั้ง อบต. เตือนหัวคะแนน และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ หากใช้ความรุนแรงหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมทันที ไม่มีละเว้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ บช.ภาค 1 ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2564 เพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมต่างๆ และป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่รับผิดชอบ

ผลจากการจับกุม มีการกวาดล้างจับกุมเกี่ยวกับอาวุธปืนทั้งสิ้น 718 กระบอก สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 724 คน โดยพื้นที่ที่มีการจับกุมอาวุธปืนได้มากที่สุด คือ  พระนครศรีอยุธยา 103 ราย ส่วนพื้นที่ที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากที่สุด คือ สมุทรปราการ 105 คน

ส่วนการจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 1411 คน โดยพื้นที่ที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากที่สุด คือ สมุทรปราการ ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีแรงงานต่างด้าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 2,321 คน โดยพื้นที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากที่สุด คือ สมุทรปราการ 472 คน

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เริ่มเปิดศูนย์อำนวยการและควบคุมการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งประจำตำรวจภูธรจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ข่าวเฝ้าระวังบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อาจก่อเหตุความรุนแรงและมีการจัดชุดป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งออกตรวจตราป้องกันการกระทำความผิดในช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งทั่วประเทศมีหน่วยเลือกตั้งกว่า 6 หมื่นหน่วย โดยมีพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง 382 แห่งใน 33 จังหวัดที่อาจมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งโดยก่อนหน้านี้ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศและมีการจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 25,000 กว่าคน พร้อมของกลางอาวุธปืน 3,000 กว่ากระบอก อาวุธสงคราม 19 กระบอก วัตถุระเบิด 74 ลูก เครื่องกระสุน 1,000 กว่านัด ทั้งนี้ได้มีการกำชับตำรวจทุกนายให้เตรียมความพร้อมในการดูแลการเลือกตั้งและดูแลเรื่องการจราจรในช่วงวันเลือกตั้งด้วยเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากข้อมูลการข่าวพบ ภาพรวมพื้นที่เฝ้าระวังในการก่อเหตุใช้ความรุนแรงหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเฝ้าระวังจับตามอง คือ พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ภาค 8 ภาค 7 และภาค 2 ซึ่งพื้นที่ที่มีการข่าวว่าจะมีการก่อเหตุใช้ความรุนแรงและกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมากที่สุด คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ 9 เนื่องจากพบว่าเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงอีกทั้งยังมีเหตุที่เกี่ยวข้องต่อการประทุษร้ายต่อร่างกายมากที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าเหตุความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ไม่น่าจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ สำหรับในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มีพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี สระบุรี และลพบุรี ซึ่งจากการกวาดล้างอาวุธปืนในพื้นที่โดยรวมพบว่าส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนเถื่อนผิดกฎหมายหรือยังไม่ได้เปลี่ยนมือโดยถูกต้องตามกฎหมายเสียส่วนใหญ่ ยอมรับว่ามีอาวุธปืนที่อยู่ในความครอบครองของหัวคะแนนและกลุ่มการเมืองอยู่เล็กน้อย

อย่างเช่นกรณีของในพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรีที่มีการพบอาวุธปืน Hk 1 กระบอก ซึ่งจากข้อมูลพบว่ายังมีอาวุธปืนอีก 3 กระบอกที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมเพิ่มเติม จึงขอเตือนไปถึงกลุ่มหัวคะแนนผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองในพื้นที่ต่างๆหากพบว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและใช้ความรุนแรงในพื้นที่พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมดำเนินคดีทันทีไม่มีละเว้น

ด้าน พ.ต.อ.สมคเน ศรีนาราง ผู้กำกับการ สภ.หนองม่วง จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า กรณีของการจับกุมอาวุธปืน เอช เค 1 กระบอกในพื้นที่ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลว่าอาวุธปืนดังกล่าวมีทั้งสิ้น 4 กระบอก โดยมีการแสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายอาวุธปืนดังกล่าวและเครื่องกระสุน ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจยึดตามที่ผู้ต้องหาระบุไว้แต่พบว่าอาวุธปืนอีก 3 กระบอก ไม่อยู่ในพื้นที่ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าได้จำหน่ายปืนดังกล่าวให้กับกลุ่มบุคคลนอกพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไปแล้วซึ่งขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรีอยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามผู้ครอบครองอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกมาดำเนินคดีเพราะเกรงว่าอาจจะมาใช้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในสิ้นเดือนนี้

แสดงความเห็น