อดีตผู้กำกับโจ้ ให้การรับสารภาพ 3 ข้อหา ปฏิเสธฆ่าผู้อื่นโดนทรมาน อ้าง ไม่ได้เจตนาฆ่า

อดีตผู้กำกับโจ้ ให้การศาลทุจริตฯ รับสารภาพ 3 ข้อหา ปฏิเสธฆ่าผู้อื่นโดนทรมาน คดีใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต อ้าง ไม่ได้เจตนาฆ่า ทำไปเพราะต้องการขยายผลจับกุมยาเสพติด ส่วนลูกน้องอีก 6 คน ส่วนใหญ่ให้การปฏิเสธ อ้าง ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาขณะที่ พ่อผู้เสียชีวิต ตั้งทนายเป็นโจทก์ร่วม ขอศาลให้ความยุติธรรม

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การ คดี ที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับสภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยในคดีฆ่าผู้อื่นโดยทรมานด้วยความทารุณโหดร้าย กรณีร่วมกับพวก ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ถึงแก่ความตาย

โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 7 คนจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลเพื่อสอบคำให้การ ซึ่งมีทนายของทั้ง 7 ร่วมอยู่ในห้องพิจารณา ซึ่งศาลได้ใช้ห้องเวรชี้ สอบคำให้การผ่านคอนเฟอเรนซ์ 

จากนั้นศาลได้อ่านคำฟ้อง และข้อหาตามที่การอัยการโจทย์ฟ้อง รวม 4 ข้อหา คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ /เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู่หนึ่งผู้ใด ซึ่งสองข้อหานี้คือจะต้องมีการสอบสวนในลักษณะกระทำการโดยชอบ /ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาร และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ 

จากนั้นได้สอบคำให้การ ซึ่ง อดีตผู้กำกับโจ้ ในฐานะ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพใน 3 ข้อหาคือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.157/เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันใช้อำนาจโดยมิชอบ  ม.172 และ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น  แต่ปฏิเสธในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการทำงาน เพราะหากมีเจตนาฆ่าคงไม่กระทำต่อหน้าลูกน้อง และทำเพื่อต้องการขยายผลในการจับยาเสพติด ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อประเทศชาติ ส่วนกรณีรีดเงิน ยืนยันว่า ตนเองและลูกน้องไม่ได้กระทำการดังกล่าวแต่ต้องการขยายผลจากยาเสพติดเท่านั้น

ส่วน จำเลยคนอื่นๆ ให้การรับสารภาพ และปฏิเสธแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาร และอ้างเหตุผลของคำให้การว่า ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา

ซึ่งขณะที่ระหว่างสอบคำให้การ อดีตผู้กำกับโจ้ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด มีสีหน้าเป็นปกติ รูปร่างสมบูรณ์ขึ้น และพูดคุยกับทนายความตลอดเวลา

ซึ่งการสอบคำให้การในวันนี้ ฝ่ายผู้เสียหาย โดย เรืออากาศตรี จักรกฤษณ์ กลั่นดี พ่อของนายจิระพงษ์ หรือมาวิน  ได้แต่งตั้งทนายความเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดีด้วย 

โดยพ่อของมาวิน บอกว่า เหตุผลที่ตั้งทนายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม เพื่อได้รับทราบข้อมูล ขั้นตอนของกฎหมาย และจากการฟังคำให้การวันนี้ มองว่ามีการให้การอย่างสมเหตุสมผล ว่าการทำงานเป็นเพื่อการขยายผล แต่ยังไงก็สงสารลูกของตนเอง เพราะ ทุกวันนี้เวลานอนยังเห็นภาพลูกที่โดนกระทำ ซึ่งตนเองรับไม่ได้ วันนี้จึงมารับฟังในสิ่งที่เขาพูด แม้จะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้แล้ว ก็อยากขอความยุติธรรมจากศาล

สำหรับการสอบคำให้การในวันนี้ ญาติของอดีตผู้กำกับโจ้ และลูกน้องทุกคน เดินทางมาร่วมรับฟังด้วย โดยศาลได้แยกห้องรับฟัง เป็นห้องของญาติจำเลย ห้องของโจทก์ และห้องสอบคำให้การ และให้รับฟังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วย

โดยในคดีนี้พนักงานอัยการ คัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีร้ายแรง ประชาชนให้ความสนใจและเกรงว่าจำเลยจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน รวมถึงเกรงว่าจะหลบหนี 

แสดงความเห็น