กรมคุมประพฤติ พอใจผลการดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส คืนผู้ทำผิดสู่สังคม

กรมคุมประพฤติ พอใจผลการดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ภายใต้ “EM สร้างงาน สร้างโอกาส คืนผู้ทำผิดสู่สังคม” จนผู้ต้องขังได้รับพักโทษมีอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วยตัวเอง 

นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีนโยบายมุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ผ่านการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดให้กลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคม ตลอดจนร่วมสร้างงานให้โอกาสออกมาประกอบอาชีพสุจริตเพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้กระทำผิดไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ ภายใต้แนวคิด “EM สร้างงาน สร้างโอกาส คืนผู้ทำผิดสู่สังคม” โดยผู้กระทำผิดที่ได้รับพิจารณาพักโทษและลดวันต้องโทษจำคุกตามคําพิพากษาและเข้าหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการพิจารณาที่ติดกำไลอีเอ็ม ทั้งสิ้น 20,017 ราย และจากข้อมูลการรายงานตัวพบว่า กว่า 17,952 ราย ได้กลับออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัว สามารถหาเลี้ยงดูครอบครัวได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติให้คำปรึกษาแนะนำ และวางแผนในการประกอบอาชีพควบคู่ไปด้วย โดยแยกเป็น 11,647 ราย ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เช่น ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขับรถแท็กซี่ ช่างซ่อมรถ ช่างซ่อมแอร์ พนักงานโรงแรม รับจ้างก่อสร้าง ถัดมาอีก 1,988 ราย ประกอบอาชีพค้าขาย 

ทั้งนี้ การสร้างอาชีพของผู้กระทำผิดที่ได้รับโอกาสพักโทษ หนึ่งในนั้นคือ ชาย อายุ 22 ปี ต้องคดียุ่งเกี่ยวและจำหน่ายยาเสพติด ได้รับโอกาสเข้าทำงานที่ร้านบรรจุแก๊ส ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท แบบลูกจ้างทั่วไป รวมทั้งมีสวัสดิการในโอกาสต่างๆ เช่น ให้ข้าวสาร ของใช้อุปโภคบริโภค และเงินเพิ่มพิเศษตามเทศกาลต่าง ๆ ส่วนผู้กระทำผิดอีกรายคือ หญิง อายุ 32 ปี ในฐานความผิด พ.ร.บ. ยาเสพติด ได้กลับไปประกอบอาชีพค้าขายไก่ย่าง น้ำพริก ที่ภูมิลำเนาเดิมในจังหวัดเชียงราย สามารถสร้างรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 400 – 500 บาท รวมถึงผู้กระทำผิดอีก 50 ราย ที่ได้รับเข้าทำงานในโรงงานซอสพริกศรีราชา ของจังหวัดนครสวรรค์ ได้ค่าแรงวันละ 315 บาท รวมถึงสวัสดิการอื่น ๆ และจะมีการจัดจ้างในรุ่นต่อไปอีก  

“ผู้กระทำผิดที่ได้รับโอกาสเหล่านี้ สามารถก้าวข้ามความกลัวและความอับอายต่าง ๆ ได้ด้วยกำลังใจจากครอบครัว และเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติที่คอยช่วยดูแล บางรายถึงขั้นใช้ทักษะที่มีอยู่ก่อนเข้าเรือนจำ และวิชาชีพที่ได้จากในเรือนจำออกไปต่อยอด จนกลายเป็นนายตัวเองมีรายได้หลักหมื่นด้วยซ้ำ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าวัตถุประสงค์ที่เราดำเนินมาสัมฤทธิ์ผล” นายวิตถวัลย์ กล่าว

แสดงความเห็น