รมว.ยุติธรรม ให้ สยจ. ดูแลเยียวยาผู้เสียหายคดีผู้กำกับโจ้ ซัดทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

รมว.ยุติธรรม ให้ สยจ. ดูแลเยียวยาผู้เสียหายคดีผู้กำกับโจ้ ซัดทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ แม้เป็นคนค้ายาก็ไม่ควรโดนแบบนี้ ชี้ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่เน้นการยึดทรัพย์ ช่วยลดเรียกรับเงินผู้ต้องหา หนุนร่างกฎหมายป้องกันปราบปรามทรมาน ยกระดับการคุ้มครองสิทธิตามมาตรฐานสากล

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ออกจากราชการไว้ก่อนจากการถูกกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย กรณีถูกร้องเรียนว่า ทรมาน นายจิระพงศ์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เรียกเงิน 2 ล้านบาท จนเสียชีวิตและถูกดำเนินคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาว่า เบื้องต้นตามข่าวสื่อมวลชน คาดว่าเป็นความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 290 การเอาถุงพลาสติกคลุมหัวทำให้ขาดอากาศหายใจ ศาลฎีกาเคยระบุไว้ว่า กรณีแบบนี้แม้จำเลยจะไม่ประสงค์ให้ตาย แค่จะทรมาน แต่ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ขาดอากาศและถึงแก่ความตายได้ จำเลยถือว่ามีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตนได้ให้ทางกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ดูแลค่าชดเชย ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544  โดยทาง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ได้ดำเนินการประสานพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อแจ้งสิทธิแก่ทายาท ซึ่งมีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนถึงแก่ความตาย 50,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท รวมทั้งสิ้น 110,000 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แม้ว่าผู้เสียหายจะเป็นกลุ่มค้ายาเสพติด แต่เราก็ไม่มีสิทธิที่จะกระทำการที่รุนแรงเช่นนี้ ขณะนี้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว เราไม่ได้มุ่งเน้นตัดตอนเอาชีวิต แต่เน้นการยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย เรื่องนี้เราจะติดตามดู และจะเป็นคดีตัวอย่าง สังคมไม่ควรเกิดแบบนี้ หากประมวลกฎหมายยาเสพติดออกมาบังคับใช้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน คนที่ทำแบบนี้อยากได้ทรัพย์สินเขา แต่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดจะมีการยึดทรัพย์ และจะมีรางวัลค่าตอบแทนให้กับผู้ที่ทำงานอย่างสมเหตุสมผล จะช่วยให้คนไม่ถูกทำร้ายด้วยเรื่องทรัพย์สินอีก นอกจากนี้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้เร่งจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรก ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การทำให้การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบ มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 

“ร่างกฎหมายนี้ จะทำให้การกระทำทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐลดลงหรือหมดไป ซึ่งจะช่วยพัฒนากระบวนการยุติธรรม และยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากลเพิ่มมากขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในสังคมโลก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีเจตนารมณ์และความตั้งใจจริงที่จะเคารพสิทธิมนุษยชนเทียบเท่ากับระดับสากล ส่งเสริมให้สังคมไทยมีหลักประกันความปลอดภัยมากขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นด้านกระบวนการยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน เพิ่มแรงจูงใจให้นักธุรกิจเข้ามาลงทุนเพราะมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเพราะพวกเขาจะมีความมั่นใจว่าเราได้ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล และมีกฎหมายกำหนดให้การกระทำทรมาน รวมทั้งเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการงดเว้นการลงโทษแก่บุคคลใดๆ และส่งเสริมให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการยุติธรรม” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น