อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 7 คน ใน 4 ข้อหา โทษหนักประหารชีวิต

อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 7 คน ใน 4 ข้อหาหนัก โดยเฉพาะข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ยืนยันพยานหลักฐานแน่น สำนวนมีความละเอียดสมบูรณ์ พร้อมยื่นฟ้องศาลทุจริตฯแนบเอกสาร 7 แฟ้มประกอบ

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายวรินทร สาสนัส รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีการสั่งฟ้องคดี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คนผู้ต้องหาที่ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน

โดยนายอิทธิพร ระบุว่า หลังจากอัยการได้รับสำนวนมาวันที่ 4 พ.ย. ซึ่งพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหามาทั้งหมด 4 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำการทารุณโหดร้าย,และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ

ซึ่งอัยการได้พิจารณาแล้วให้มีคำสั่งฟ้องในทุกข้อหาและสำนักงานอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อมาพิจารณาคดีนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งหมด 6 คน โดยมีนายวุฒิรัตน์ มีผดุง รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพราะเป็นคดีสำคัญ  และจะมีหน้าที่ในการดำเนินคดีจนถึงที่สุดรวมถึง ในวันนี้สำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตได้รับมอบหมายให้ไปยื่นฟ้อง อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้วด้วย และได้คัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีร้ายแรง ประชาชนให้ความสนใจและเกรงว่าจำเลยจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน รวมถึงเกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งมีหลักฐานเป็นเอกสาร 7 แฟ้มส่งศาลในวันนี้ด้วย เพราะศาลนี้จะใช้ระบบไต่สวน แตกต่างจากศาลอาญาที่ใช้ระบบกล่าวหา โดยหลังจากนี้ จะมีการนัดไต่สวนจึงต้องแนบเอกสารประกอบคำฟ้องแบบเปิดเผยด้วย และกระบวนการค้นหาความจริงในศาลนี้ ศาลจะลงมาค้นหาความจริงตามในระบบไต่สวนและให้ทนายถามคำถามเฉพาะที่ศาลอนุญาตเท่านั้น

รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ยืนยันว่า จากการตรวจสำนวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ทำได้เห็นว่าสำนวนมีความละเอียดรอบคอบ ส่วนศาลจะรับฟังมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล แต่พยานหลักฐานเท่าที่รวบรวมมาค่อนข้างสมบูรณ์

ขณะที่รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  อธิวายว่า กรณีนี้เป็นการตายในระหว่างเจ้าพนักงานควบคุมตัว หลังมีผลชันสูตรพลิกศพ และพยานหลักฐาน พนักงานอัยการก็ได้พิจารณาสำนวนถี่ถ้วนแล้ว ก็ให้ความมั่นใจได้ว่า สำนวนที่ทำมาผ่านขั้นตอนต่างๆ จนไปถึงอัยการสูงสุด ซึ่งทุกกระบวนการพนักงานอัยการล้วนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ และเมื่อสั่งฟ้องแล้วก็ให้ความมั่นใจได้ว่า สำนวนละเอียดถี่ถ้วนแน่นอน จึงได้สั่งฟ้องทุกข้อหาโดยเฉพาะข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานฯ ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต

ส่วนกรณีที่ อดีตผู้กำกับโจ้ อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า จะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่นั้น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการต่อสู้คดี แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะพิจารณาว่าเจตนาหรือไม่ และพยานหลักฐานที่มีเป็นไปตามข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาจะมีพยานหลักฐานใดมาหักล้างก็ต้องอยู่ที่ชั้นศาล

แสดงความเห็น