พรรคเล็กในศึกบัตร 2 ใบ 2 ส.ต้องคิดหนัก ลุยต่อหรือวางมือ

นับถอยหลังจากเวลานี้ อายุของสภาฯ ก็เหลืออีกแค่ปีเศษๆ ก็จะครบวาระสี่ปี ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ไม่เกินกลางปี 2566  กรณีหากสภาฯอยู่ครบเทอม

กระนั้น แวดวงการเมือง ส่วนใหญ่ยังประเมินว่า แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะยืนกรานขออยู่ครบเทอมสี่ปี แต่ของแบบนี้ มันก็ไม่แน่ อาจมีการยุบสภาฯ เกิดขึ้นก็ได้ ของแบบนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะถ้าเข้าใกล้ช่วงรัฐบาลทำงานครบสามปีในช่วงเดือนสิงหาคมปีหน้าและมีการแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อรองรับระบบเลือกตั้งบัตรสองใบเรียกร้อยหมดแล้ว  ก็มีโอกาสที่จะมีการยุบสภาฯเกิดขึ้นได้   

ด้วยปัจจัยข้างต้น ทำให้พรรคการเมืองทั้งพรรคใหญ่-พรรคเล็ก -พรรคตั้งใหม่ เลยเริ่มขยับกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งที่อาจมาถึงก่อนกำหนด

ที่ผ่านมา ข่าวความเคลื่อนไหวของพรรคขนาดใหญ่ในเรื่องการเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้ง  มีให้เห็นกันอย่างถี่ยิบแล้ว

ทางทีมข่าว theagendathai.com ขอไปโฟกัสความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองขนาดเล็กกันดูบ้างว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง กับศึกเลือกตั้งที่กำลังรออยู่ในอนาคต โดยเฉพาะกับระบบ “บัตรสองใบ” ที่ไม่เอื้อกับพรรคขนาดเล็กแน่นอน เพราะถึงขั้นอาจทำให้บางพรรคสูญพันธุ์เลยก็ได้   

โดยจะเน้นไปดูความเคลื่อนไหวในส่วนของพรรคเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแม้พรรคที่นำมาบอกกล่าวจะเป็นพรรคเล็ก แต่คนที่เป็นคีย์แมนพรรค ชื่อชั้นการเมือง บอกได้เลยว่า อยู่ในระดับตัวท็อปของการเมืองไทย ทั้งการเมืองหน้าฉาก-หลังฉากมาหลายสิบปี นั่นก็คือ สองพรรคเล็กของ

2 ส.นักการเมืองระดับบิ๊กเนมการเมืองไทย”

เริ่มที่ “ส.คนแรก”ไม่ใช่ใครที่ไหน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา” ที่อยู่ในแวดวงการเมืองมาตั้งแต่ปี 2535 ผ่านตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมาแล้วมากมายเช่นรองนายกฯ- รมว.คมนาคม-รมว.อุตสาหกรรม เป็นต้น

ส่องสถานการณ์การเมืองของ สุวัจน์และพรรคชาติพัฒนา ยามนี้ เชื่อได้ว่า สุวัจน์ คงกำลังคิดหนักว่าจะเอายังไงต่อกับพรรคชาติพัฒนา ที่ตัวเองร่วมก่อตั้งมากับมือพร้อมกับ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เพราะระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ ชาติพัฒนา บักโกรกแน่นอน ลำพังแค่บัตรใบเดียวที่เอื้อกับพรรคเล็กมากกว่า ทาง ชาติพัฒนา  หลังเลือกตั้งปี 2562 ยังได้ส.ส.มาแค่สามคนคือ ส.ส.เขต ได้ที่โคราชมาหนึ่งคนคือ วัชรพล โตมรศักดิ์  และปาร์ตี้ลิสต์สองคน คือน้องชาย เทวัญ และ ดล เหตระกูล​ ทายาทเครือเดลินิวส์  แต่ด้วยความที่ สุวัจน์ นำชาติพัฒนา กระโดดเข้าร่วมรัฐบาลลุงตู่เร็ว เลยได้ โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีมาหนึ่งตำแหน่งคือ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีให้กับเทวัญ แต่เมื่อปรับครม.ก็ต้องจำต้องคืนโควตาให้ พลังประชารัฐไป

ถึงตอนนี้ น่าสนใจว่า สุวัจน์ จะเข็นพรรคชาติพัฒนาต่อไปหรือไม่ กับระบบบัตรสองใบ เพราะแค่บัตรใบเดียว พรรคยังได้คะแนนทั่วประเทศมาแค่ สองแสนสี่หมื่นกว่าคะแนน  แต่มาเจอบัตรสองใบ น่าจะยิ่งหนักกว่า เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ ดูแล้ว อาจลุ้นยาก ต้องไปหวัง เก้าอี้ ส.ส.เขต ที่ก็คงหวังไม่กี่จังหวัด หลักๆ เลยก็คือ “โคราช-นครราชสีมา” แต่ช่วงหลัง กระแสของ ชาติพัฒนา ในโคราช หายไปเยอะ เห็นได้จากเลือกตั้งรอบล่าสุด โคราช 14 เขต คนของสุวัจน์ ชนะแค่เขตเดียว

อย่างไรก็ตาม การที่ ส.ส. “กลุ่มรัตนเศรษฐ” ของวิรัช รัตนเศรษฐ เจอวิบากกรรมคดีทุจริตสนามฟุตซอลในชั้นศาลฎีกาฯ จนต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไปถึงสามคน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด น่าจะมีผลทำให้ กลุ่มรัตนเศรษฐในโคราช อ่อนแรงไปเยอะ        เลยอาจทำให้ สุวัจน์ ฮึดสู้ ขึ้นมาอีกครั้ง

ส่วนความเป็นไปได้ที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จะดึง สุวัจน์ ไปเป็นขุนพลโคราชคนใหม่ของพลังประชารัฐ แทนวิรัช นั้น แม้ทางการเมืองจะมีความเป็นไปได้ แต่ปัญหาก็คือ สุวัจน์ ไม่ค่อยลงรอยกับแกนนำพลังประชารัฐหลายกลุ่ม ไม่อย่างนั้นตอนช่วงตั้งพลังประชารัฐ สุวัจน์ คงเข้าไปอยู่กับพลังประชารัฐ ตั้งแต่ตอนก่อตั้งพรรคแล้ว เพราะมีข่าวว่า ทีมงานอดีตบิ๊กทหาร ที่อยู่กับบิ๊กป้อมในป่ารอยต่อฯ ก็ชักชวน สุวัจน์ เข้าพลังประชารัฐ แต่สุดท้าย ดีลไม่ลงตัว อีกทั้ง วิรัช ก็คงขวางไม่อยากให้สุวัจน์เข้ามาพลังประชารัฐ เพราะหากเข้ามา อาจทำให้ บทบาทในพลังประชารัฐของกลุ่มบ้านใหญ่รัตนเศรษฐ ลดน้อยถอยลงไป ทำให้เป็นไปได้ที่ วิรัช จะดันลูกชาย อธิรัฐ -รมช.คมนาคม ขึ้นมาเป็นตัวหลักในโคราชแทนตนเองในยามที่คดีความยังไม่จบ 

มันจึงน่าสนใจมากว่า หลังจากนี้ “ส.สุวัจน์” จะเอายังไงต่อไป  จะดันชาติพัฒนาต่อไป หรือจะพอแค่นี้ แล้วนำลูกทีมไปอยู่กับพรรคใหญ่  หรือจะใช้วิธีจับมือกับพรรคเล็กๆ มารวมกันเป็นพรรคเดียว แต่เชื่อได้ว่า เรื่องการเมืองที่อยู่ในสายเลือด สุวัจน์ คงทำให้เจ้าตัว ยังไม่คิดวางมือการเมืองแน่นอน

ส่วนอีก 1 ส. คนดังการเมืองไทย ไม่ใช่ใครที่ไหน “ส.-สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้ง-แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทยหรือรปช.-อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์”

โดยที่ผ่านมา พรรครปช. คัดค้านไม่เอาบัตรสองใบมาตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล มาวันนี้ กับสถานะของพรรครปช. พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้โควตารมต.หนึ่งเก้าอี้ คือรมว.อุดมศึกษาฯ ที่มีดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรี ก็ถูกจับตามองไม่น้อยว่า สุดท้าย เลือกตั้งรอบหน้า พรรครปช.จะเอายังไงต่อไป?

หลังมีข่าวว่า สุเทพ กำลังคิดจะขอพักการเมืองสักระยะแบบยาวๆ เพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวสู้คดีที่มีเดิมพันสูงทั้งคดีกปปส.ที่ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุกห้าปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดีรวมถึงคดีโรงพักตำรวจ ก็หนักไม่ใช่เล่น

จนมีข่าวว่า สุเทพ จะปล่อยมือให้ ตระกูล “เหล่าธรรมทัศน์” นำพรรครปช. ไปแบบเต็มตัวไปเลย เพราะตอนนี้ นอกจากดร.เอนก จะเป็นรัฐมนตรีแล้ว ลูกชาย ดร.เอนก คือ เขตรัฐ ก็เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และหลานสาว พลัม- นางสาวจุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ ก็เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีกเช่นกัน โดยเป็นที่รู้กันว่า หนึ่งในทุนใหญ่ของพรรครปช. เวลานี้ ก็คือ กลุ่มของเจริญ เหล่าธรรมทัศน์  นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว บิดาของพลัม นั่นเอง 

ข่าวที่ได้ยินมาพบว่า ถึงเวลานี้  กลุ่มของดร.เอนก ยังมั่นใจว่า พรรครปช.ยังเข็นต่อไปได้ แม้ช่วงที่ผ่านมาหลายคนในพรรคจะทยอยออกจากพรรคไป เช่น ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตรมว.แรงงาน  หรือกรณีของ อดีตส.ส.หญิงคนดัง ที่อายุน้อยที่สุดในสภาฯ อย่าง “เพชรชมพู กิจบูรณะ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ” ที่จู่ๆ ก็ลาออกจากส.ส.กลางคันเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ระยะหลัง แนวคิดทางการเมือง ไปไม่ได้กับ กลุ่มของดร.เอนก  ทำให้ เพชรชมพู ต้องลาออกไปแบบ ไม่มีปี่มีขลุ่ย

อย่างไรก็ตาม แม้พรรครปช.จะมีแต่คนออกจากพรรคไป ไม่มีคนเข้ามา ให้แวดวงการเมืองฮือฮาเล่น แต่กลุ่มของดร.เอนก ยืนยัน ต้องการทำพรรครปช.ต่อไป และกำลังเริ่มติดต่อหาคนที่มีชื่อเสียงให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคอยู่ อีกทั้งก็เชื่อได้ว่า เมื่อถึงเวลาปี่กลองเลือกตั้งบรรเลงเมื่อใด ยังไง สุเทพ ที่มีข่าวว่า พยายามถอยห่างออกจากพรรครปช. แต่ถึงเวลาเลือกตั้งมาถึง ยังไง สุเทพ คงอดไม่ได้ที่ต้องลงมาช่วยพรรครปช. ที่ตั้งมากับมือ คงไม่ยอมปล่อยให้พรรคล้มหายไปง่ายๆ

เพียงแต่ สุเทพ ก็คงต้องคิดหนักว่า หากจะเข็นพรรครปช.ต่อไป โดยที่ตัวเองมีปัญหาคดีความรุมเร้า และอาจต้องควักทุนส่วนตัวลงมาช่วย ถ้าหานายทุนคนอื่นมาช่วยพยุงพรรครปช.ไม่ได้ ของแบบนี้ มันหนักไม่ใช่เล่นสำหรับ สุเทพ ที่ประกาศวางมือไม่รับตำแหน่งการเมืองใดๆทั้งสิ้นไปแล้ว

2ส. นักการเมืองดัง “สุวัจน์-สุเทพ” จะตัดสินใจอนาคตพรรคการเมืองที่ตัวเองตั้งมากับมืออย่างไร ในสมรภูมิเลือกตั้งบัตรสองใบ อย่างไร เป็นเรื่องที่หลายคนเห็นแล้วต่างก็บอก หนักใจแทน !

แสดงความเห็น