พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น เขต 7 ว่า สำหรับพรรคภูมิใจไทยการจะส่งผู้สมัครหรือไม่ ต้องรอให้ผู้บริหารของพรรคได้หารือกันก่อน ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะปรึกษากันภายในพรรคเพื่อให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากที่สุด เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่ออกมามีความสำคัญทั้งกับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สำหรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจจะมีการพิจารณาญัตติในสัปดาห์หน้านั้น ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ยืนยันมาตลอดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง ก็พร้อมที่จะพิจารณา เราเห็นว่าประเด็นไหนที่ประชาชนเห็นด้วยก็ต้องทำให้เป็นเรื่องหลัก ส่วนประเด็นไหนที่ประชาชนไม่เห็นด้วยก็จะเป็นเรื่องรองลงมา ส่วนการจะตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายต่างๆ ได้แสดงความเห็น หารือถึงทางออกร่วมกัน แต่ต้องไม่ลืมที่จะถามประชาชนด้วย เพราะ ส.ส.พวกเราทุกคนมาจากเสียงประชาชน ดังนั้นการศึกษาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ลืมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมามีประเด็นเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน หรือการทำงานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนอยากชี้แจงว่าในการทำงานของพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีปัญหาอะไร การทำงานทุกพรรคสามารถสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี และการทำงานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ชัดเจนว่าไม่ได้มุ่งเน้นให้เป็นประเด็นการเมือง เพราะรัฐมนตรีแต่ละคนตั้งแต่นายอนุทิน รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต่างเดินหน้าปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างหนัก มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน แต่ที่ผ่านมารัฐมนตรีของเรากลับถูกโจมตีจากสื่อบางค่าย โดยการโจมตีจากสื่อเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับผลงานของรัฐมนตรีอย่างเห็นได้ชัด
“การโจมตีจากสื่อบางค่ายโดยไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะมีนัยแอบแฝงอะไรอยู่หรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมกับพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก การที่สื่อบางค่ายมาตัดสินพรรคการเมืองว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ควรดูผลงานของรัฐมนตรีของเขาด้วย เพราะผลงานที่ออกมาเห็นได้ชัดว่ารัฐมนตรีทุกคนของพรรคฯ ตั้งใจทำงานโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่มีประเด็นการเมืองที่ต้องไปทะเลาะกับใคร ผมอยากให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าหากพรรคภูมิใจไทยทำไม่ดีจริง ทำไมมีสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์โจมตีอยู่เพียงค่ายเดียว ทั้งที่สื่อในประเทศไทยมีมากมายหลายสำนัก เราไม่ได้ปฏิเสธการตรวจสอบ แต่หากสื่อจะตรวจสอบก็ควรทำให้เสมอภาคตรวจสอบทุกพรรคการเมือง หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วจะเรียกว่าเป็นสื่อมืออาชีพได้อย่างไร” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า การที่ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อบางค่ายนั้น มันคือความจำเป็นที่เราต้องทำ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของพรรค รักษาความถูกต้องเอาไว้ ยืนยันว่าไม่ใช่ทำเพื่อต้องการไปกลั่นแกล้งอะไร แต่หากเราไม่ทำจะกลายเป็นยอมรับความไม่ถูกต้อง ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี เราคงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นกระบวนการตรวจสอบทางสภาฯ ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหนบ้าง แต่หากมีรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยถูกอภิปรายด้วย เราไม่ได้กังวลอะไร เพราะเรามั่นใจในความตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน มีผลงานให้เห็นเด่นชัด สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น