สภาฯ ส่งความเห็น 6 ญัตติแก้โควิด ให้รัฐบาล “ชลน่าน” หัก “พิธา” ไม่มีข้อเสนอให้ยุบ ศบค. ชี้ มติสภาฯทำไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาฯ ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน จำนวน 6 ญัตติ จาก 5 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคภูมิใจไทย, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเสรีรวมไทย เพื่อให้สภาฯ พิจาณาหามาตรการและแนวทางแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น มาตรการเยียวยาและการบริหารจัดการของศบค.
ทั้งนี้ในญัตติของพรรคก้าวไกล ที่เสนอโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีหัวข้อที่แตกต่างออกไป คือ เสนอต่อรัฐบาลให้ยกเลิกสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 76/2563 และ ยุบ ศบค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาฯ ได้ใช้เวลาอภิปรายเพื่อเสนอแนะไปยังรัฐบาล ทั้งเป็นข้อเสนอต่อมาตรการแก้ปัญหาในพื้นที่ต่างๆ อาทิ พื้นที่กทม. และจังหวัดปริมณฑล ควรเพิ่มจุดตรวจหาเชื้อ, ล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง พร้อมกับมีมาตรการที่ชัดเจน การเยียวยา ขณะที่การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ไปต่างจังหวัด จากกรณีที่แรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา มีข้อเสนอให้ทางจังหวัดเร่งทำศูนย์รวมดูแลประชาชน ไม่ใช่ประกาศจับ นอกจากนั้นกรณีที่คนต่างจังหวัดต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา ควรใช้การขนส่งของรัฐ เช่น รถไฟ ให้บริการเป็นโซนเฉพาะ เช่น รถไฟ ประเภทรถด่วน ควรจัดตู้โดยสาร 2 ตู้สุดท้ายให้กับประชาชนที่อยู่ในกทม. เพื่อกลับต่างจังหวัด ทั้งนี้เพื่อลดการกระจายของเชื้อ นอกจากนั้นยังแสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยงแบบเหมารวมทั่วจังหวัด
ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอเชิงรุกให้รัฐบาลเร่งจัดหาวิธีกำจัดขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัยให้ถูกลักษณะเพื่อลดการกระจายและแพร่เชื้อโรค อย่างไรก็ดีในข้อเสนอของส.ส.ฝ่ายค้าน ยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากพบการแก้ปัญหาที่ล้มเหลว
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ใช้เวลาอภิปรายหลายชั่วโมง เมื่อเวลา 20.30 น. ผู้เสนอญัตติได้สรุปเนื้อหา โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย สรุปญัตติว่า การอภิปรายของส.ส. มีทั้งทางการแพทย์ การสาธารณสุข การเยียวยาและการบริหารจัดการ และไม่มีมติให้ยุบศบค. เพราะสภาฯ ไม่มีอำนาจลงมติดังกล่าว อย่างไรก็ตามมีเพียงชุดข้อเสนอให้รัฐบาลรับไปดำเนินการ
ขณะที่นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ สรุปว่า รัฐบาลต้องกล้าหาญใช้กฎหมายเพื่อบริหารจัดการเรื่องวัคซีน และนำเข้าวัคซีนให้บริการประชาชนอย่างเร่งด่วน ขณะที่การนำเข้าวัคซีน NRma ต้องเร่งดำเนินการโดยฉีดวัคซีนตามคำสั่งแพทย์ ไม่ใช่ตามสั่งแพทย์
“รัฐบาลอย่าผลีผลามล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือทั้งจังหวัด เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจ และกระทบชีวิตเกินจำเป็น โดยผมเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีเงินเยียวยาได้ทั้งหมด และควรพิจารณาล็อกดาวน์เฉพาะชุมชนที่พบการติดเชื้อ โดยรัฐบาลต้องมอบอำนาจให้ท้องถิ่นดำเนินการ” นายบัญญัติ อภิปราย
จากนั้นนายศุภชัย แจ้งกับที่ประชุมว่า จากการฟังอภิปราย มีความเห็นในแนวทางเดียวกัน และไม่มีผู้ใดคัดค้าน ถือว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบส่งญัตติทั้ง 6 ญัตติให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป จากนั้นได้ปิดการประชุมเมื่อเวลา 20.57 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการกล่าวปิดญัตติของผู้เสนอญัตตินั้น นายพิธา ไม่แจ้งความประสงค์จะอภิปรายปิดญัตติแต่อย่างใด
แสดงความเห็น
