พัฒนาการ 4 ครั้งใน ACL ของ ‘เชียงราย’ กับมาตรฐานที่สูงโดยไม่ต้องทุ่มเงิน

DST.Special Report : ความพ่ายแพ้ต่อ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ 3-1 ทำให้ ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ เชียงราย ยูไนเต็ด จอดอยู่แค่เพียงรอบแบ่งกลุ่ม แม้จะยังเหลือเกมให้เล่นอีก 1 นัดก็ตาม 

แต่แม้พวกเขาจะตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่เชียงรายฯ กลับได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลชาวไทยอย่างล้นหลาม นั่นเพราะพวกเขาแสดงผลงานให้เห็นว่า ไม่ใช่สมันน้อยเนื้อแน่นในเวทีเอเชีย โดยเฉพาะการต่อกรกับทีมจากลีกชั้นนำแห่งทวีปอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

5 เกมที่ผ่านมา ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ ทำประตูคู่แข่งได้ทุกเกม เกมแรกพวกเขาแพ้ชุนบุคฯ (เกาหลีใต้) 2-1 เกมที่สอง ชนะ แทมปิเนส โรเวอร์ส (สิงคโปร์) 1-0 เกมที่สาม เสมอกัมบะ โอซาก้า 1-1 เกมที่สี่ เสมอกัมบะ โอซาก้า 1-1 และแพ้ชุนบุคฯ 3-1 โดยเหลือเกมลงเล่นอีกหนึ่งนัดกับแทมปิเนส 

จาก 5 เกม เชียงรายฯ เก็บได้ 5 คะแนน รั้งอันดับสามของตาราง ขณะที่แทมปิเนส สโมสรเพื่อนบ้านในละแวกเอเชียอาคเนย์ ยังมี 0 คะแนน

หลังความพ่ายแพ้แชมป์ลีกจากเกาหลีใต้ และพลาดเข้ารอบต่อไปแน่นอน ‘เสี่ยฮั่น’ มิตติ ติยะไพรัช ประธานที่ปรึกษาสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด แสดงทัศนคติเชิงบวกที่น่าชื่นชมคือ พวกเขาไม่เสียเวลาโทษอะไร และยังขอบคุณประสบการณ์ที่ดีในการเจอทีมระดับนี้ เพราะจะทำให้นักเตะของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น

หลายคนพูดว่า เชียงรายฯอยู่ในระดับเอเชียเรียบร้อยแล้ว

หลังการเข้าแข่งขันรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก หรือ ACL 2 ครั้งล่าสุด พวกเขาต่อกรกับยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ดี โดยเฉพาะในครั้งนี้ที่ไม่พ่ายแพ้ให้กับกัมบะ โอซาก้า ยอดทีมจากแดนปลาดิบเลย หนำซ้ำยังแข่งขันกันที่สนามกลางอย่างประเทศอุซเบกิสถาน

ขณะที่บางคนมองว่า เชียงรายฯทำดีแล้ว แต่ยังไม่ถึงระดับเอเชีย เพราะการจะเรียกว่า เป็นระดับเอเชียได้เต็มปากจะต้องผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์อย่างที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำได้มาแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร การยิงประตูทุกนัดในครั้งนี้ กับการฟาดฟันกับทีมจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้สะเด็ดสะเด่า ถือเป็นพัฒนาการที่เด่นชัดของเชียงรายฯ ที่ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังใช้ผู้เล่นที่เกือบจะชุดเดิมตั้งแต่คว้าแชมป์ไทยลีก 1

และหากมองดูตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาในรายการนี้เมื่อปี 2017 ถึงปัจจุบัน เชียงรายฯมีผลงานที่พัฒนาและเก๋าเกมมากขึ้น จนเรียกได้ว่าไม่เสียใจที่ได้โควตาประเทศไทยไปทำศึก ACL

โดยครั้งแรกเมื่อปี 2017 เชียงรายฯเล่นรายการนี้ในโควตาแชมป์เอฟเอคัพ โดยในรอบเพลย์ออฟ รอบ 2 เปิดบ้านชนะ บาหลี ยูไนเต็ด ได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลัง 90 นาที เสมอกัน 0-0 สวนรอบเพลย์ออฟรอบ 3 บุก แพ้  เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ( จีน ) แบบหวุดหวิด 0-1 

ต่อมาในปี 2019 เชียงรายฯ เข้ามาเล่นรายการนี้เป็นปีที่สองในฐานะแชมป์เอฟเอคัพเช่นเดิม โดยเพลย์ออฟ รอบแรก ชนะ ย่างกุ้ง ยูไนเต็ด (เมียนมา ) 3-1 ส่วนเพลย์ออฟ รอบสอง บุกไปแพ้ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า จากการดวลจุดโทษ 3-4 หลังเสมอใน 120 นาที 0-0 ซึ่งใกล้เคียงกับการเข้ารอบมากที่สุด

มาในปี 2020 เชียงรายฯ เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติในฐานะแชมป์ไทยลีก 1 โดยอยู่ร่วมกับทีมระดับมหากาฬเอเชียทั้งเมลเบิร์น (ออสเตรเลีย) ปักกิ่ง กั๋วอัน (จีน) เอฟซี โซล (เกาหลีใต้) ต้องบอกว่า พวกเขาทำผลงานได้อย่างสะแด่วแห้วแม้จะไม่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ พวกสามารถเก็บแต้มติดมาจากเพื่อนร่วมกลุ่มได้ทั้งหมด 

โดยนัดแรก แพ้ เมลเบิร์น 0-1 นัดสอง แพ้ ปักกิ่ง กั๋วอัน 0-1 นัดสาม แพ้ เอฟซี โซล 0-5 นัดสี่ ชนะ เอฟซี โซล 2-1 นัดห้า เสมอ เมลเบิร์น 2-2 และเสมอ กั๋ว อัน 1-1 โดยเป็นอันดับบ๊วยที่ผลงานไฉไลเป็นบ้า

มาปีนี้เชียงรายฯ ไม่จบอันดับสุดท้ายแน่นอนแล้ว แถมมีเวลาทำสถิติโกยแต้มให้เป็นเรคคอร์ดส่วนตัวของตัวเอง ดังนั้น ควรค่าแก่การปรบมือให้

ส่วนจะถึงระดับเอเชียหรือไม่แล้วแต่นานาจิตตัง แต่นาทีนี้ในลีกไทย พวกเขาอยู่ในระดับทีมที่มีมาตรฐานสูงทีเดียว.

______________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : Chiang Rai United FC

แสดงความเห็น