รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายปราบยาเสพติดตำรวจภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้ยุทธการ “พาลีปราบยา” หวังทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันก้าวสู่แผนบันไดขั้นที่2 เน้นยึดทรัพย์ตัดวงจรมากกว่าจำนวนเม็ดยา เชื่อฝีมือทุกคนทำได้ตามเป้าหมาย
ที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน “การมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง” ภายใต้ยุทธการ พาลีปราบยา สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมี นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการสุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค6 พล.ต.ต.พยูฬ์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค6 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ข้าราชการตำรวจและตัวแทนกองทุนแม่ของแผ่นดินร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในแนวทางของรัฐบาลได้ดำเนินการแนวทางของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาโดยตลอด และดำเนินการมาในรูปแบบคล้ายกันแทบทุกรัฐบาล และเราเห็นว่าปัญหาปราบยาเสพติด ยิ่งปราบยิ่งเยอะ ทำให้เราต้องคิดและดำเนินการว่าจะทำอย่างไรให้น้อยลง การดำเนินการตรงนี้ในมาตรการของการปราบปรามยาเสพติดไม่ได้มีแค่ส่วนนี้ส่วนเดียว การแพร่ระบาดของยาทำให้มีคนติดคุกจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ต้องขังคดียาเสพติดถึง 80% ทำให้คนล้นคุกเกิดความแออัด ซึ่งตนได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ความแออัดลดน้อยลง คนค้ายาส่วนใหญ่สมองดี เป็นนักธุรกิจ ค้าขาย อยากได้เงินเร็ว บางคนทำผิดซ้ำถึง 9 ครั้ง วิธีการที่เราจับอย่างเดียวอาจไม่สัมฤทธิ์ผล สถิติปีหนึ่งมูลค่ายาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำมากถึง 2.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเราจับมาเผากันไม่ไหว โรงงานผลิตอยู่นอกประเทศเรา เรามีความร่วมมือกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ จับมือร่วมกันปราบปรามสารตั้งต้น แต่ตนยังไม่พอใจเพราะเราจับได้แต่ยา ที่ผ่านมาเรายึดเงินจากผู้ค้ายาได้ไม่เกิน 600 ล้านบาทต่อปี แต่เราใช้งบบูรณาการ 6,000 กว่าล้านบาท ดังนั้นเราจึงต้องเน้นการขยายผลการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในอีกส่วนคือเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ที่เรากำลังจัดทำประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้งานต่างๆมีความคล่องตัวมากขึ้น และเราต้องมีการให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน การสร้างความปลอดภัยให้กับหมู่บ้านเก็บข้อมูลสืบสาวเรื่องไปต้นตอใหญ่ และเราจะต้องมีการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด และสุดท้ายมาตรการทุกอย่างจะต้องบูรณาการร่วมกัน ในอดีตรัฐบาลแก้ปัญหาแต่ปลายเหตุ ตนหารือกับ ป.ป.ส.ว่าที่ทำมาเป็นบันไดขั้นที่ 1 วันนี้เราจะขึ้นบันไดขั้นที่ 2 หากประมวลกฎหมายยาเสพติดผ่านรัฐสภา เราจะมีประสิทธิภาพมาขึ้นในการป้องกันปราบปราม วันนี้เราตั้งเป้าการยึดทรัพย์ยาเสพติดไว้ 6,000 ล้านบาท และได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ “พาลีปราบยา” มี 16 คณะ ทำงานและประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ แต่เดิมตัวชี้วัดเราดูที่เม็ดยา แต่ตนได้ขอเปลี่ยนเป็นการยึดทรัพย์เป็นหลักในวันนี้ท่านมองดูอาจจะยากเพราะยังไม่เคยทำ แต่เรามีถังข้อมูลต่างๆอยู่แล้ว
“การปราบปรามยาเสพติด เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ท่านทั้งหลายไม่ต้องหนักใจกับเป้าหมายการยึดทรัพย์ หากท่านฟังเราอธิบายสัก 1-2 สัปดาห์ก็ทำได้แล้ว ซึ่งทุกท่านมีฝีมือในการทำงาน ค่อยๆสาวจากรายเล็กไปยังรายใหญ่ เชื่อว่าทุกท่านทำได้อย่างแน่นอน ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มารับฟังนโยบายรัฐบาล เราพร้อมปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อลูกหลานชาวไทย กับบันไดขั้นที่ 2 ที่เรากำลังจะก้าวขึ้นไป หากมีข้อสงสัยตรงจุดใดสามารถสอบถามมาได้เลยเราพร้อมที่จะช่วยอธิบายให้ทุกท่านได้เข้าใจ” นายสมศักดิ์ กล่าว