พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยว่า รัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทยทำงานหนักมาตลอด แม้ว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาประเทศไทยจะพบกับภาวะวิกฤตจากไวรัสโควิด-19 งานส่วนใหญ่ของรัฐมนตรีและพรรคจึงเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ที่ถือเป็นกำลังหลักในการรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งถือว่าทำได้อย่างดีจนวิกฤตคลี่คลาย โดยเฉพาะการออกมาตรการรับมือ การดูแลบุคลากรทางการแพทย์ ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายด้านสาธารณสุขเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเต็มที่ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยตลอด
นอกจากนี้ในส่วนนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทยที่เน้นมาตั้งแต่การหาเสียง คือ การปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ ที่ล่าสุดได้มีการร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ เพื่อจะทำให้พืช 2 ชนิด คือ กัญชาและกระท่อม พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้เร็วที่สุด เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างเต็มที่ โดยเป้าหมายคือปลูกและผลิตเพื่อการแพทย์เท่านั้น
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า ในส่วน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยังเดินหน้าทำงานทั้งการผลักดัน แก้ไขและรณรงค์ เพื่อขจัดปัญหาในด้านคมนาคมอย่างเป็นระบบเพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งล่าสุดได้มีการทำพิธีลงนามความร่วมมือการนำอุปกรณ์ทางด้านการจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพาราไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อลดการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางหลวง ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำ จึงได้มุ่งเน้นให้ใช้น้ำยางพาราเป็นวัสดุในการปรับปรุง ก่อสร้างทาง เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรโดยตรง ซึ่งจากผลการศึกษาและวิจัย และทดสอบพบว่าสามารถลดความรุนแรงของอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในส่วนของระบบคมนาคมภายในประเทศยังมีการพัฒนาและก่อสร้างอีกหลายโครงการ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ภายหลังจากวิกฤตโควิด ประเทศไทยยังมีงานหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ถือเป็นรายได้หลักของประเทศ โดยทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กำลังทำแผนงานเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้มีการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่จะทำรายได้ให้กับประเทศจำนวนมหาศาลอีกด้วย ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้จำกัดการประสานงานเฉพาะกระทรวงที่มีรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แต่สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราจะทลายกำแพงอุปสรรคไม่ว่าจะอยู่พรรคเดียวกัน หรือต่างพรรค เมื่ออยู่ในรัฐบาลเดียวกันแล้ว ต้องสามารถทำงานสอดประสานกันได้ โดยอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องเพื่อประโยชน์พี่น้องประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องทำงานประสานกับรัฐมนตรีและ ส.ส. จากพรรคต่างๆในการช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด” โฆษกภูมิใจไทย กล่าว