ต่อรอง ‘ประธานสภาฯ’ คนชนะ ‘กำหนดเกม’

ก่อนข้ามช็อตไปถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี สเตปแรกที่สำคัญไม่แพ้คือ การเลือก ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’

โดยหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 95% ภายใน 60 วันนับจากวันเลือกตั้งแล้ว จะต้องมีการเปิดประชุมสภาครั้งแรกเพื่อเลือก ‘ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ’

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกจะมีเพียง ส.ส. ไม่มี ส.ว. เหมือนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้เสียงสองสภา

ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากในที่ประชุมสภาฯ จะได้ดำรงตำแหน่ง ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’

ที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มักจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ถือครอง ‘เสียงข้างมาก’ ฉะนั้น บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวในครั้งนี้ จะมาจาก ‘พรรคก้าวไกล’ หรือ ‘พรรคเพื่อไทย’ แน่นอน

ไม่จำเป็นว่า จะต้องเป็นพรรคที่ได้อันดับ 1 ถึงจะได้ครอบครองเก้าอี้ดังกล่าว เหมือนกับครั้งก่อนที่พรรคพลังประชารัฐ  ยอมกลืนเลือด ยกให้ ‘ชวน หลีกภัย’ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 ของขั้วดังกล่าว เนื่องจากอำนาจต่อรองสูง

เฉกเช่นครั้งนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะอยากจะเก็บเก้าอี้ตัวนี้เอาไว้เอง แต่พรรคเพื่อไทยเองอยากได้ไม่ต่างกัน 

เพราะตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ ตำแหน่งประธานรัฐสภา ‘ประมุขสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติ’ คือ คนควบคุมการประชุม กำหนดวาระการพิจารณาต่างๆ รวมไปถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี

ประธานมีส่วนสำคัญในการกำหนดเกม และควบคุมเกมได้

พรรคก้าวไกลมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่หาเสียงเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กฎหมายสุราพื้นบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย หากเป็นประธานสภาฯ เองจะสามารถคอนโทรลเรื่องนี้ได้

และในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมาถึงยังป้องกันการ ‘หักหลัง’ ได้ด้วย

แต่ ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกล เป็น ส.ส.ใหม่ หรือเพิ่งจะเป็น ส.ส.สมัยที่ 2 ซึ่งตำแหน่งประธานสภาฯ ใช้แค่ความอาวุโสอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมี ‘บารมี-ประนีประนอม’ ถึงจะเอาอยู่

ขณะที่พรรคเพื่อไทย มีผู้อาวุโส ซึ่งเชี่ยวกรากเรื่องข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวหัวหน้าพรรคอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เอง หรือคนที่เคยทำหน้าที่นี้มาแล้วหลายครั้งอย่าง นายสุชาติ ตันเจริญ ว่าที่ ส.ส.ฉะเชิงเทรา รวมไปถึงนายชูศักดิ์ ศิรินิล ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

และที่สำคัญ พรรคเพื่อไทยอยากเป็นคนดูแลเกมนี้เอง!

การเจรจาต่อรองเก้าอี้ประธานสภาฯ จึงมีความสำคัญไม่แพ้กับการโหวตนายกรัฐมนตรี 

จะเป็นปราการด่านแรกที่จะทำให้พอมองเห็นทิศทางการเมือง ตลอดจนทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย

ซึ่งเรื่องนี้ต้องดีลกันให้จบก่อนจะเปิดประชุมสภาครั้งแรก 

มาดูกันว่า การต่อรองครั้งนี้ ‘ความเก๋า’ จะบด ‘ความสด’ ได้หรือไม่

แสดงความเห็น