เพื่อไทย กับอาวุธ “ดูดคืน” หวังสานฝัน “แลนด์สไลด์”

พรรคเพื่อไทย ที่แน่นอนอยู่แล้วว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้น จะยังคงได้ส.ส.หลังเลือกตั้ง มาเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดิม เพียงแต่ว่า สองเรื่องที่ยังไม่ชัวร์ก็คือ 

หนึ่ง จะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์หรือไม่ หรือว่าจะแค่ชนะเลือกตั้งได้ส.ส.มากสุด แต่ไม่แลนด์สไลด์ 

สอง แม้จะได้ส.ส.เยอะสุดหลังเลือกตั้ง แต่จะได้เป็น “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” หรือไม่ เรื่องนี้ หลายคนยังไม่ชัวร์เช่นกัน แม้แต่คนในเพื่อไทย ก็ไม่มีใครมั่นใจร้อยเปอร์เซนต์!

เว้นแต่จะแลนด์สไดล์พรรคเดียว ได้ส.ส.เกิน 260 เสียงแบบนี้ ก็น่าจะชัวร์ที่เพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะหากได้ 260 เสียงขั้นต่ำ แล้วไปดึงอีกบางพรรค เช่น พลังประชารัฐหรือภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล ก็สามารถตั้งรัฐบาลเกิน 300 เสียงได้แน่นอน เพียงแต่อยู่ที่ว่า ทักษิณ ชินวัตร จะเลือก พลังประชารัฐ หรือภูมิใจไทยเท่านั้นเอง ส่วนจะตั้งรัฐบาลสามพรรคไปเลยคือ เพื่อไทย-พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย เป็นไปได้หรือไม่ ดูแล้ว ทักษิณ ไม่น่าเอาสูตรนี้ เพราะหากตั้งรัฐบาลได้เกิน 300 เสียง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งเกินไปมาก จะเป็นการ “เปลืองโควตารัฐมนตรี” โดยไม่จำเป็น โดยอาจไปดึงมาอีกสักสองพรรค เช่น ประชาชาติ กับชาติไทยพัฒนา มาตั้งรัฐบาลร่วมกัน แค่นี้ ก็น่าจะลงตัวกว่า 

เพราะหากเกิน 300 เสียง ยังไง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ถึงปี 2567 ก็ไม่น่าจะฝืนกระแสได้ และยิ่งหากตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ ฝ่ายพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่น่าจะคุมเสียงส.ว.ได้สักอย่างต่ำ 50 เสียง ก็น่าจะสั่งให้ส.ว.มาโหวตตั้งรัฐบาลให้ได้ แค่นี้ทุกอย่างก็ลงตัว 

จึงไม่แปลกที่ช่วงหลังฝ่ายพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย แบะท่า วิ่งเข้าหา เพื่อไทย อย่างเห็นได้ชัด เพื่อหวังผูกสัมพันธ์การเมือง รอร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย หลังเลือกตั้ง 

เว้นเสียแต่ ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา รวมไทยสร้างชาติ รวมเสียงกันได้มากกว่า 250 เสียง แบบนี้ ก็จบ พรรครัฐบาล ก็ยังกลับมาเป็นรัฐบาลได้ต่อ ส่วนเพื่อไทย ก็ไปเป็นฝ่ายค้านอีกสมัย!

ดังนั้น จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็น ก็อยู่ที่เพื่อไทย เองว่าจะทำให้พรรคชนะแลนด์สไลด์หรือไม่ หากไม่ชนะ ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งให้ได้ โดยรวมเสียงให้ได้ขั้นต่ำ 270 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ส.ว.ยากต่อการโหวตสกัดเลือกนายกฯ แต่ชั่วโมงนี้ ยังต้องให้ เพื่อไทย เป็นเต็งหนึ่ง ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งไว้อยู่ 

โดยแม้จะพบว่า จะมีคนในเพื่อไทยออกไปอยู่กับพรรคอื่น ไม่น้อยโดยเฉพาะ “ภูมิใจไทย” แต่เพื่อไทย ก็ได้อดีตส.ส.จากพรรคอื่น เข้าพรรคมาระดับหนึ่งเช่นกัน 

เช่นล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อกลางสัปดาห์ “กลุ่มบ้านใหญ่คุณปลื้ม ชลบุรี” ที่ยกทีมกลับเพื่อไทย ภายใต้การนำของ สนธยา คุณปลื้ม พร้อมกับ ประกาศจะต้องทำให้เพื่อไทยชนะยกจังหวัด  10 เขตชลบุรีให้ได้ 

อย่างไรก็ตาม ศึกนี้ของบ้านใหญ่คุณปลื้ม ก็ไม่ง่าย เพราะต้องสู้กับ รวมไทยสร้างชาติ ของเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ก็ต้องทำให้เห็นว่าที่มีวันนี้เพราะขาตัวเอง 

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีพลังประชารัฐ ที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มอบหมายให้ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี สามสมัย เป็นหัวหน้าทีมแทน โดยมีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คอยหนุนอยู่ข้างหลัง ซึ่งหาก สรวุฒิ ทำยอดได้ตามเป้า เช่นทำให้พลังประชารัฐได้ส.ส.ชลบุรี เข้ามาสักสามคน แล้วพลังประชารัฐ ได้เป็นรัฐบาล ก็การันตีได้ว่า รอบหน้า ได้เป็นรัฐมนตรีแน่นอน และเป็นการทำให้ “บ้านใหญ่ตระกูลเนื่องจำนงค์” พาสชั้นขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งตระกูลใหญ่เมืองชลบุรี ได้ทันที 

นอกจากนี้ เพื่อไทย ก็ยังจะได้ “สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ -ส.ส.ฉะเชิงเทรา จากพลังประชารัฐ” กลับเข้าเพื่อไทยอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ ศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือ มดเล็ก ทายาทของนายสุชาติ ตันเจริญ ไปเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.ฉะเชิงเทรา เพื่อไทยนำร่องไปก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม “กลุ่มตันเจริญ” ก็เจองานหนักที่แปดริ้ว เพราะต้องสู้กับรวมไทยสร้างชาติโดยการนำของนายกฯไก่ กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกฯอบจ.ฉะเชิงเทรา ที่มีแค้นการเมืองต้องสะสางกับ สุชาติ ตันเจริญอยู่หลายบัญชี 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เพื่อไทย ก็ได้สองอดีตส.ส.กทม. เข้ามาที่เพื่อไทยคือ  น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะลงสมัครส.ส.เขต 1 กทม.เช่นเดิม ส่วนอีกคนก็คือ จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ หรือบิลลี่ อดีต ส.ส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล 

หรือที่อีสาน ก็ได้ “กลุ่มเสี่ยแป้งมันพันล้าน  ตระกูล หวังศุภกิจโกศล” ของวีรศักดิ์ ศุภกิจโกศล อดีตรมช.คมนาคม ที่เดินออกจากภูมิใจไทยเพราะปัญหาขัดแย้งภายใน เลยส่งลูกชาย ลงสมัครส.ส.เขตโคราช รวมถึงยังดึง อภิชา เลิศพชรกมล อดีตส.ส.นครราชสีมา ภูมิใจไทย เข้าเพื่อไทยตามมาด้วยอีกหนึ่งคน

อีกทั้ง ที่กาฬสินธุ์ เพื่อไทย ก็เปิดประตูต้อนรับ บ้านใหญ่ตระกูล พิมพะนิตย์ ของวิรัช พิมพะนิตย์ อดีตส.ว.กาฬสินธุ์ ที่ก่อนหน้านี้เป็นที่ปรึกษารมว.คมนาคม ทีมงานหน้าห้อง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ร่วมสี่ปี แต่สุดท้าย วิรัช ก็พาครอบครัว คือตัวเองและลูกชาย พลากร พิมพะนิตย์เข้าเพื่อไทย ทำเอา คนภูมิใจไทย ฉุนไม่น้อย 

ขณะที่อดีตส.ส.-กลุ่มการเมืองกลุ่มอื่น ๆที่เข้าเพื่อไทย ในรอบนี้ ก็มีอีกบางส่วน เช่น ที่ย้ายมาจากพรรคเพื่อชาติ ก็คือ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรมช.พาณิชย์ อดีตส.ส.สมุทรปราการ ที่เป็นการย้ายกลับมา เพราะเคยอยู่เพื่อไทยมาก่อน โดยยังพา น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ลูกสาวของ ยงยุทธ ติยะไพรัช ตามมาด้วย เพื่อมาลงสมัครส.ส.เขต เชียงราย เพื่อไทย เนื่องจากเชียงรายมีส.ส.เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ซึ่งฝ่ายทักษิณ ชินวัตร สั่งมาเป็นกรณีพิเศษ ว่าให้พรรคเคลียร์พื้นที่ให้ลูกสาวยงยุทธ 

นอกจากนี้ก็ยังได้ “ชูศักดิ์ คีรีมาศทอง อดีตส.ส.สุโขทัย พลังประชารัฐ” คนสนิทของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และภูดิท อินสุวรรณ์ อดีตส.ส.พิจิตร พลังประชารัฐ เข้ามาที่เพื่อไทยเช่นกัน 

เรียกได้ว่า เพื่อไทย ก็มีเหมือนกันกับการดูดกลับ ไม่ใช่โดนดูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ปฏิบัติการดูดกลับครั้งนี้จะทำให้ เพื่อไทย แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ มันก็ไม่มีหลักประกัน เช่นกัน !

แสดงความเห็น