สัญญาณ ‘บวก’ ‘ยิ่งลักษณ์’ กลับมาตุภูมิ

มีโอกาสที่จะได้กลับมาตุภูมิทั้ง 2 คน หลังจาก ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พี่ นำหน้ามาก่อนตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566

ขณะที่ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงผู้น้อง กำลังมีสัญญาณเป็นบวก

สัญญาณบวกที่ว่า คือ เรื่องคดีความต่างๆ ที่พาเหรดกัน ‘รอดบ่วง’

เริ่มตั้งแต่กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้อง ‘ยิ่งลักษณ์’ ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเข้ากรุเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ

คดีย้ายนายถวิลนี้ เซอร์ไพร์สมาก เพราะ ‘ยิ่งลักษณ์’ ต่างพ่ายแพ้คดีในศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และยังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล แต่กลับ ‘ชนะ’ ในชั้นของศาลฎีกา

เรียกว่า โดนมาทุกด่าน ‘รอด’ ใน ‘ด่านสุดท้าย’

และล่าสุดยังรอดในคดีจ้างเอกชนจัดโรดโชว์ เมื่อสมัยเป็นรัฐบาล ซึ่งคดีนี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ต่อมาอัยการไม่สั่งฟ้อง ป.ป.ช.จึงฟ้องเอง

ปรากฏว่า ศาลฎีกามีมติ 9 ต่อ 0 ‘ยกฟ้อง’ 

เท่ากับว่า ‘ยิ่งลักษณ์’ หลุดบ่วง 2 คดีสำคัญติดต่อกัน

เช็กแฟ้มคดีใน ป.ป.ช.ปัจจุบัน ‘ยิ่งลักษณ์’ ยังเหลืออีก 1 คดีคือ การอนุมัติการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับแก่เอกชนรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชั้นอนุกรรมการไต่สวน

แต่คดีนี้หลายฝ่ายเชื่อว่า เป็นเรื่องนโยบาย และโอกาสรอดมีสูงมาก

ทำให้พันธนาการของ ‘ยิ่งลักษณ์’ ขณะนี้เหลือแค่โทษจำคุก 5 ปี ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหาย ที่ศาลฎีกาได้ตัดสินไปนานแล้ว

ถ้าจะกลับประเทศไทย ‘ยิ่งลักษณ์’ ต้องกลับมารับโทษในคดีนี้ก่อน

หลายฝ่ายมองว่า ถ้าลำพังคดีรับจำนำข้าวทางน่าจะสะดวก สามารถใช้กระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษเหมือนกับเคสของ ‘ทักษิณ’ เพื่อให้โทษน้อยลงไป ถูกจำคุกไม่นาน

แต่ที่น่าสนใจคือ ‘ยิ่งลักษณ์’ จะยอมถูกจำคุกแม้แต่วันเดียวหรือไม่

‘ยิ่งลักษณ์’ จะอ้างว่า ป่วยเหมือนกับกรณีของ ‘ทักษิณ’ เป็นเรื่องลำบาก 

และมันดูท้าทายความรู้สึกของสังคมมากหากจะใช้วิธีเดียวกับ ‘พี่ชาย’ 

ซึ่งต้องรอดูว่า จะใช้ช่องทางไหน แต่ที่แน่ๆ คือ นี่เป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีในการจะกลับเข้าประเทศ

นั่นเพราะปัจจุบันพรรคเพื่อไทยยังมีอำนาจต่อรอง และมีอำนาจการบริหารอยู่ในมือ กลไกต่างๆ พร้อมที่จะซัพพอร์ตเพื่ออำนวยความสะดวกสู่แผ่นดินแม่ของ ‘ยิ่งลักษณ์’

ม็อบต่อต้านไม่ได้มีเรี่ยวแรงเหมือนแต่ก่อน ขณะที่พรรคก้าวไกลเคยพูดว่า ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ไม่ได้รับความยุติธรรมในกระบวนการเรื่องคดี จึงย้อนแย้งหากจะคัดค้าน

เพียงแต่ว่า เรื่องนี้ได้มีการเจรจาต่อรองกันเอาไว้ใน ‘ดีล’ หรือไม่

ดีลของ ‘ทักษิณ’ มันรวม ‘ยิ่งลักษณ์’ อยู่ในนั้นหรือไม่

แต่หากดูจากการรอดคดีติดๆ กัน มีโอกาสสูงที่จะอยู่ในดีลนี้ 

หากเป็นตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย นี่คือ ‘นาทีทอง’ ที่สุดที่ ‘นายหญิง’ จะได้กลับบ้าน 

หากพ้นตรงนี้ไปแล้ว ไม่แน่ใจว่า อนาคตจะยังทำอะไรได้แบบนี้หรือไม่

นั่นเพราะไม่มีใครรู้ว่า วันข้างหน้าพรรคเพื่อไทยจะมีอำนาจต่อรองสูงขนาดนี้หรือไม่ 

อย่างไรเสียน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก มีโอกาสก็ต้องรีบตวง

แสดงความเห็น