หืดจับล้มหาร 100 ชั้นศาลรธน. พท.นับถอยหลังแลนด์สไลด์!

ความหวังในการ “ล้มกระดาน 100 หารปาร์ตี้ลิสต์” ตามกฎหมายเลือกตั้งส.ส. เพื่อปลุก “หาร 500 และส.ส.พึงมี”ให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง ของบรรดาส.ส.พรรคเล็ก และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนที่เชียร์ หาร 500 และส.ส.พึงมี เริ่มริบหรี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการหวังในชั้น “ศาลรัฐธรรมนูญ”

เพราะด่านแรกแค่การเข้าชื่อกันของสมาชิกรัฐสภาให้ได้ครบ 73 คน เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานรัฐสภา ให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส. ฉบับของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ใช้ 100 หารและไม่มีส.ส.พึงมี ที่จะถูกนำมาใช้เป็นกฎหมายเลือกตั้งฯ อย่างเป็นทางการ ที่กลุ่มพรรคเล็ก ยังมองว่า อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และ 94 เพราะร่างดังกล่าว ไม่มีเรื่องของส.ส.พึงมี อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ยังพอมีหวังจะล้มกระดานหาร 100 ได้ แม้ในความเป็นจริงแล้ว ว่ากันตามสภาพ เรื่องหาร 500 น่าจะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมากกว่า 100 หารเสียอีก แต่ก็เป็นช่องทางต่อสู้อันดับท้าย ๆแล้ว ที่พรรคเล็ก ยังพอมีความหวังจะสู้ได้ ก็คือการหวังที่ศาลรัฐธรรมนูญ 

แต่ทว่าจับทิศทางตอนนี้ ความหวังดังกล่าว พบว่า เริ่มจะลำบาก หลังส.ส.ประชาธิปัตย์และสมาชิกวุฒิสภา ออกตัวแล้วว่า คงไม่ไปร่วมเซ็นชื่อให้ ทำให้แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวสูตร 500 หาร อาจต้องเจอความยากลำบากในการรวบรวมรายชื่อให้ได้ครบตามจำนวน 

เพราะอย่างการที่มีสมาชิกวุฒิสภาและส.ส.เช่น ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ก้าวไกล ไปร่วมลงชื่อและกดบัตรแสดงตนในการเข้าประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพยายามทำให้องค์ประชุมไม่ล่มเมื่อ 10 สิงหาคมและ 15 สิงหาคม เป็นเรื่องของการที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า พร้อมทำให้การประชุมรัฐสภาเดินหน้าไปได้ และอีกทาง หลายพรรคการเมือง ก็ต้องยอมรับกันตรงๆว่า ที่สั่งให้มีการเข้าประชุม ก็เพื่อ “สร้างภาพ” ทางการเมืองด้วย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ยังไงเสียเมื่อมี “คำสั่งลับ” มาจากป่ารอยต่อฯ ให้ล้ม 500 หารไปยังส.ส.พลังประชารัฐและส.ว. ผนวกกับ ส.ส.เพื่อไทย ก็ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับการประชุม เพื่อทำให้ หาร 500 โดนล้มกระดาน แค่สามปีกนี้คือ เพื่อไทย-พลังประชารัฐและส.ว.อีกบางส่วนที่ฟังคำสั่งป่ารอยต่อฯ มันก็ทำให้ “องค์ประชุมล่ม”อยู่แล้ว ผนวกกับ ฝ่ายประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ก็หนุนสูตร 100 หารมากกว่า 500 หาร

ดังนั้น การที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก้าวไกล ภูมิใจไทยและส.ว.จำนวนหนึ่ง เข้าร่วมประชุมรัฐสภา ก็เพื่อแสดงตน ให้มีชื่อปรากฏทางสื่อ เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าจะเอาด้วยกับหาร 500 

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มพรรคเล็ก ที่ต้องการรวบรวมรายชื่อให้ครบ ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องเคลื่อนไหวหนักในการล่ารายชื่อให้ครบ 73 คน ในการดิ้นสู้ล้ม 100 หาร ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ 

อย่างท่าทีของส.ว.“ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา” กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า  ส.ว. ส่วนใหญ่ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็นสภาถ่วงดุล มีความเป็นกลาง ดังนั้นการร่วมเข้าชื่อในประเด็นดังกล่าว จะไม่มีส.ว. เข้าร่วม และส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. และสภาผู้แทนราษฎรที่มีฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจะดำเนินการ ขณะที่ส.ว. ไม่ควรร่วมลงชื่อ  

เช่นเดียวกับฝ่ายประชาธิปัตย์ พบว่า มีมติพรรคในการไม่ให้ส.ส.ไปเข้าร่วมลงชื่อส่งคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด 

โดย “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์” เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการประสานจากสมาชิกวุฒิสภา และ ส.ส.จากกลุ่มพรรคเล็กเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมลงชื่อในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแต่จากการประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 16 ส.ค. ได้มีมติว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมลงชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะถือว่ากระบวนการทางนิติบัญญัติได้จบไปแล้ว ซึ่งร่างกฎหมายก็ได้ตกไปแล้ว จากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามมาตรา 132 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยการส่งร่างไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็น พรรคไม่มีนโยบายที่จะไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

 ดูตามนี้ โอกาสที่กลุ่มพรรคเล็ก จะไปขอลายเซ็นสมาชิกรัฐสภามาร่วมลงชื่อ ก็เริ่มยาก เพราะเสียงส.ส.พรรคเล็กที่มีส.ส.ตั้งแต่ 1-11 เสียงในสภาฯ  ที่รวมถึง พรรคเสรีรวมไทย ของ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส   และรวมพลัง ของดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ที่หนุนหาร 500 รวมกันแล้ว ยังไงก็ได้เต็มที่แค่ประมาณ 30 กว่าเสียง

ที่สำคัญ พรรคเล็กเอง ก็เริ่มไม่เป็นเอกภาพ หลายพรรค พบว่า ก็เริ่มขยับในการจะยุบรวมหรือไม่ทำพรรคต่อ โดยจะไปอยู่กับพรรคใหญ่ ให้เห็นกันหลายคน เพราะพรรคเล็กบางพรรคก็รู้ดีว่า ถึงต่อให้ใช้ 500 หาร ยังไง ก็ทำพรรคเล็กต่อไปไม่ไหว เลยจะไปอยู่กับพรรคใหญ่ๆ ดีกว่า ทำให้ จึงไม่ค่อยสนใจในการจะล้มหาร 100 แต่ก็อาจร่วมลงชื่อได้พอเป็นพิธี หากดูแล้วชื่อมีหวังลุ้นครบตามจำนวน 

ตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะส.ว.สายบิ๊กตู่ หรือสายกลางๆ ที่เชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะล้มหาร 100 ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะยอมมาร่วมลงชื่อ

กระนั้น กรณีดังกล่าว จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีเสียงส.ส.ลงชื่อแล้วจำนวนหนึ่งที่พอใกล้เคียงจะไปถึง 73 ชื่อได้ สว.ถึงจะ “กล้าออกตัว” โดยอ้างเหตุเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แบบนี้ก็อาจมีส.ว.มาร่วมลงชื่อด้วย แต่ก็น่าจะยากพอสมควร เว้นแต่มีสัญญาณพิเศษ ไปยังส.ว.ให้ร่วมลงชื่อกับพรรคเล็ก แบบนี้ก็อาจพอได้ลุ้น 

ทำให้กลุ่มพรรคเล็ก ต้องเคลื่อนไหวอย่างหนักและต้องทำเร็ว เพราะมีข่าวว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานกกต.ได้รับหนังสือจากประธานรัฐสภา พร้อมร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.ฯ ของกกต.ที่ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว จากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ส่งถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ที่ก็คือร่างของกกต.เดิมนั่นเอง อันเป็นการส่งมายังกกต.ตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทำความเห็นและข้อทักท้วง แต่เมื่อเป็นร่างของกกต.ที่รัฐสภาไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงใดๆ แม้แต่บรรทัดเดียว ทำให้ ยังไง กกต.ก็ต้องเห็นชอบด้วย โดยไม่มีข้อทักท้วง ในการประชุมกกต.ที่มีข่าวว่าพิจารณาเรื่องนี้ ช่วงวันที่  22-23 สิงหาคมนี้ 

และเมื่อกกต.พิจารณาเสร็จแล้ว จากนั้น ก็ส่งกลับไปที่รัฐสภา พอชวน ประธานรัฐสภาได้รับแล้ว ก็ส่งต่อไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ที่ในช่วงดังกล่าว หลังนายกฯได้รับหนังสือแล้วห้าวัน สมาชิกรัฐสภาที่ต้องการส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยื่นคำร้องถึงประธานรัฐสภาภายในห้าวันหลังนายกฯได้รับร่างฯ ตรงนี้ คือช่วงเวลาสำคัญที่กลุ่มพรรคเล็กและกลุ่มไม่เอาหาร 100 ต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ครบตามจำนวนไม่น้อยกว่า 73 ชื่อ โดยหากทำไม่ได้ และเลยห้าวันมาแล้ว นายกฯก็นำร่างฯขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป 

ดูจากกระบวนการขั้นตอนแบบนี้ ทั้งการต้องหาชื่อให้ครบตามจำนวน ที่พรรคเล็ก อาจลำบากไม่น้อยในการหาชื่อให้ครบ แล้วไหนยังต้องลุ้นในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอีก ที่โอกาสจะพลิกก็ไม่ใช่ง่าย ทำให้มีโอกาสสูงมาก ที่กติกาเลือกตั้งส.ส.ที่จะออกมา จะเป็นแบบ 

“บัตรสองใบ หารร้อยปาร์ตี้ลิสต์” 

อันเป็นระบบการเลือกตั้งที่เข้าทางพรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” มากที่สุด จนทำให้มีโอกาสสูง ที่ยังไง เพื่อไทย ซึ่งชนะการเลือกตั้งได้ส.ส.มากที่สุด อยู่แล้ว แต่หากเพื่อไทย วางกลยุทธ์ ปั่นกระแสดีๆ และโทนี่ ทักษิณ ชินวัตร

“กล้าได้ กล้าเสีย กล้าทุ่ม กล้าอัดฉีด”

ก็ไม่แน่ โอกาสจะทำให้เพื่อไทย ได้ส.ส.แตะระดับเฉียดๆ 200-220 เสียง ก็อาจเป็นไปได้ แต่จะถึงขั้นเกิน 250 เสียง แลนด์สไลด์ นั้น ชั่วโมงนี้ อาจจะดูโม้เกินไปหน่อยที่เพื่อไทยจะทำได้  

ทว่าไม่แน่เช่นกัน ถ้าถึงตอนเลือกตั้ง กระแสเพื่อไทยแรงจริง และกระแสคู่แข่งทั้ง  บิ๊กตู่-พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย รวมถึง ก้าวไกล ไม่เข้าเป้า เพื่อไทยก็ได้ลุ้น ไม่น้อย!

แสดงความเห็น