เด็ดหัว-สอยนั่งร้าน ยกนี้ 3 รมต.พปชร.กระอัก 

1 นายกฯ -10 รัฐมนตรี ที่ถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเมื่อ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา หากถามว่า ดูแล้วใครอาการน่าจะหนักสุด 

พบว่าส่วนใหญ่เห็นตรงกัน  ยังไง “บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” แน่นอน เพราะแค่ชื่อยุทธการของฝ่ายค้านก็บอกไว้แล้ว “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ที่ก็คือฝ่ายค้านจ้องทุบ พลเอกประยุทธ์ แบบจัดหนัก ถึงขั้นขู่ จะโดนเด็ดหัวกลางสภาฯ 

ดังนั้น ก็จะมีแกนนำฝ่ายค้านและส.ส.ฝ่ายค้านเรียงคิวอภิปรายไล่ถลุง พลเอกประยุทธ์ ในหลากเรื่องหลายประเด็น ทั้งปมการเมือง-เศรษฐกิจ-กฎหมาย-การบริหารราชการแผ่นดิน เรียกได้ว่าโยงไปได้หมด เพราะนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ดังนั้น อะไรก็โยงไปถึงได้เกือบทุกเรื่อง เพียงแต่ก็ต้องยอมรับว่า จุดแข็งสำคัญของพลเอกประยุทธ์ตลอดการเป็นนายกฯช่วงแปดปีที่ผ่านมาคือ 

“ไม่มีข้อกล่าวหาหรือหลักฐานเรื่องทุจริตคอรัปชั่น”

ที่คือจุดตายของคนเป็นรัฐมนตรี เพราะหากมี พลเอกประยุทธ์ ก็คางเปราะ มีสิทธิ์โดนฝ่ายค้านน็อกกลางสภาได้เลย แม้ก่อนหน้านี้ ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ขนาดเรื่องการขายที่ดินของตระกูลจันทร์โอชา ให้กับกลุ่มบริษัทเครือนักธุรกิจใหญ่แสนล้านระดับ “เจ้าสัว” รายหนึ่ง ที่ฝ่ายค้านเคยปั่นว่า พลเอกประยุทธ์ตายแน่ หากเจอหมัดนี้ แต่สุดท้าย การอภิปรายเรื่องดังกล่าว ก็ทำอะไร พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เลย 

ดังนั้น แม้ศึกซักฟอกรอบนี้ ฝ่ายค้าน วางน้ำหนักไว้ที่การจับ “1 นายกฯ -10 รัฐมนตรี มาอภิปรายขึงพรืดกลางสภาฯ 4 วัน 4 คืน” ตามที่ประกาศไว้ว่าต้องการขอสี่วันในการอภิปราย แต่หากฝ่ายค้าน ทำได้แค่โชว์ลีลาสำนวนโวหาร ไม่มีข้อมูลเด็ด หลักฐานชัดๆ เพื่อมาสนับสนุนว่าพลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีทั้งสิบคน ทำผิด-คิดชั่ว ต่อบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอรัปชั่น-เอื้อประโยชน์พวกพ้องให้ทำผิดกฎหมาย ปล่อยให้มีการทุจริตในหน่วยงานที่ตัวเองดูแลรับผิดชอบ  ตามญัตติที่เขียนไว้ แต่ถึงเวลาอภิปรายจริง หากฝ่ายค้าน ไม่มีหลักฐานเด็ด มีแต่เอาเรื่องเดิมๆ มาอภิปราย หมัดน็อกก็ไม่มี สุดท้าย ฝ่ายค้าน นั่นแหละ จะเสียเอง

อย่างไรก็ตาม ของแบบนี้มันก็ต้องรอดูเมื่อ เริ่มเป่านกหวีด ระเบิดศึกซักฟอก ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วง 18-21 ก.ค.นี้ หากวิปรัฐบาลยินยอมตามที่ฝ่ายค้านต้องการคือไฟเขียวให้อภิปรายสี่วันสี่คืนในช่วงดังกล่าว 

ประเมินดูแล้ว จาก 11 รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอก แม้เป้าหลักจะถูกมองว่า ฝ่ายค้านจ้องถล่ม 3 ป. พลเอกประยุทธ์-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ แต่ก็น่าจับตาไม่น้อยกับการที่ 3 รัฐมนตรี แกนนำพลังประชารัฐ มีชื่ออยู่ในการอภิปรายรอบนี้ด้วย ทั้ง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ -ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

โดยบางชื่ออย่าง “เสี่ยสันติ” ชื่อนี้ไม่น่าแปลกใจที่ถูกยื่นซักฟอก เพราะเป็นคนที่ฝ่ายค้านจากเพื่อไทย ไล่หวดมาร่วม 2-3 เดือนแล้ว กับการประมูลโครงการท่อส่งน้ำตะวันออกของกรมธนารักษ์ มูลค่าร่วม 25,000 ล้านบาท ที่บริษัทวงศ์สยาม ฯชนะการประมูล ยิ่งการที่ สันติ เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ ยังไง เพื่อไทย ต้องทุบให้ได้ เพื่อผลทางการเมือง ในลักษณะสร้างรอยตำหนิ ให้กับเลขาธิการพลังประชารัฐ พรรคคู่ปรับสำคัญของเพื่อไทย 

แต่บางชื่ออย่าง “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” ซึ่งข่าวต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บอกว่า จากเดิมที่เคยจะมีชื่อ แต่แนวโน้มหลุดแล้ว เพราะไม่มีประเด็นอะไรแบบเด็ดๆ จะถึงขั้นนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่สุดท้าย ชื่อของสุชาติ ก็กลับมาอยู่ในรายชื่อโดนซักฟอกจนได้ ท่ามกลางข่าวว่า เป็นเพราะมี “คุณขอมา” จากแกนนำพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านเต็มตัว ขอให้เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ สุชาติ รมว.แรงงาน เพื่อผลในตอนลงมติ เพราะมีการล็อกเป้าวางเกมไว้แล้วว่า จะทำให้ สุชาติ ได้รับเสียงโหวตไว้วางใจน้อยที่สุด  เพื่อสร้างรอยตำหนิให้กับสุชาติ ว่าเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล จนอาจนำไปสู่การปรับครม.หลังจบศึกซักฟอก ที่ข่าวว่ามีแน่ 

นอกจากนี้ การที่มีชื่อของ “ชัยวุฒิ-รมว.ดีอีเอส” ก็น่าสนใจไม่น้อย ยิ่งหากไปดูในญัตติของฝ่ายค้านที่ระบุตอนหนึ่งถึงเหตุผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชัยวุฒิว่า “มีความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” อันเป็นการตั้งข้อหาในการซักฟอกที่ ชัยวุฒิ โดนประเด็นนี้เพียงคนเดียว และน่าจะสร้างความกังวลให้กับชัยวุฒิไม่ใช่น้อยว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นอะไร แม้จะมีกระแสข่าวว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านตั้งข้อกล่าวหาไว้ คนเริ่มพอแกะรอยออกแล้วว่า คืออะไร?

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า  3 รมต.ของพลังประชารัฐ ทั้งสันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ ล้วนอาการหนักไม่น้อย โดยบางคน อาจไม่หนักตอนชนกับฝ่ายค้านกลางสภาฯ เพราะบางคนดูแล้ว น่าจะดวลฝีปากกับฝ่ายค้านได้แบบพอฟัดพอเหวี่ยง แต่ที่น่าหนักใจมากกว่าก็คือ ตอนลงมติออกเสียง “ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ” ที่สามคนนี้ คะแนนอาจแกว่งจากรัฐมนตรีคนอื่นก็ได้ 

ด้วยเป็นที่รู้กันว่า ทั้งสันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ ล้วนเป็นสามแกนนำพลังประชารัฐ ที่ไม่เผาผี งัดข้อกับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย” มาตลอดตั้งแต่ธรรมนัสอยู่พลังประชารัฐ จนถึงขั้นแตกหักกันมา 

ดังนั้นซักฟอก รอบนี้จึงมีการมองกันว่า ธรรมนัส จะเอาคืน !

ด้วยการให้ ส.ส.เศรษฐกิจไทยรวม 16 คน อาจงดออกเสียง หรือไม่ก็ถึงขึ้น “โหวตไม่ไว้วางใจ” ตอนกดโหวตออกเสียงสามรัฐมนตรีดังกล่าว กันไปเลย และธรรมนัส คงไม่สั่งแค่ส.ส.ลูกพรรคเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่อาจจะไปยืมมือยืมเสียง พรรคเล็ก ผ่านกลุ่ม 16 ของพิเชษฐ์ สถิรชวาล ให้แท็กทีมแท็กเสียงกันรวมแล้วหากได้สัก 30 เสียง ไม่โหวตไว้วางใจให้สามรัฐมนตรีดังกล่าวหรือถึงขึ้น โหวตไม่ไว้วางใจไปเลย จนทำให้ทั้งสามคน ได้คะแนนไว้วางใจน้อย ที่ถึงต่อให้ ผ่านศึกซักฟอกไปได้เพราะคะแนนไว้วางใจมากกว่าไม่ไว้วางใจ แต่ก็จะเป็นรอยตำหนิว่า ทั้งสามคน ได้คะแนนน้อย เสียเครดิตการเมืองไป จนอาจเกิดแรงกระเพื่อมตามมา เช่นการปรับครม. 

กระนั้น ก็ไม่แน่  สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ อาจพลิกเกมสู้ เพื่อให้มั่นใจว่าได้เสียงไว้วางใจเกาะกลุ่มไปกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ โดยทั้งสามคน อาจออกแรง ล็อบบี้ พรรคเล็ก ให้ช่วยโหวตหนุนหลังให้  แต่จะต้องมีกล้วย เป็นของแลกเปลี่ยนหรือไม่ ก็ต้องรอดู หรืออีกทางก็คือ ไปขอให้อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปช่วยบอกส.ส.งูเห่า พรรคฝ่ายค้านให้ช่วยกดไว้วางใจให้ตัวเองด้วยเหมือนรัฐมนตรีคนอื่นๆ 

ถ้าทั้ง สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ พร้อมชน ธรรมนัส โอกาสพลิกเกม กลับมาเป็นผู้คุมสถานการณ์เสียงโหวตได้ แผนของธรรมนัส-พรรคเล็ก ที่มี เพื่อไทย คอยหนุนช่วย ก็อาจไม่สำเร็จก็ได้    

ที่มองกันว่า ศึกซักฟอกรอบนี้ 3 ป.จะหนัก ที่ก็จริงอยู่ แต่หากมองในมุมเสียงโหวตไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ ไม่แน่ เผลอๆ สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ จะโคม่ามากกว่า หลายเท่าก็ได้ 

แสดงความเห็น