“สมศักดิ์” เชื่อ มิ.ย.63 ปลดล็อกกระท่อมพ้นยาเสพติด

รมว.ยธ. ประสานกระทรวงทรัพย์ฯ เพาะต้นกล้ากระท่อมแจกชาวบ้าน รณรงค์ปลูก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทดแทนการนำเข้ายา-มอร์ฟีน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการเสวนารับฟังความคิดเห็นร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การยกเลิกพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษ)

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายมีความพร้อมประมาณ 95 % หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น ในวันที่ 22 ม.ค.จะนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และคาดว่าจะเสนอร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันที่ 3 มี.ค. จากนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณารายละเอียด ก่อนนำกลับเข้าครม.เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯตามขั้นตอน เบื้องต้นเชื่อว่าคงไม่มีใครคัดค้านการปลดล็อกกระท่อม แต่ไม่มีกฎหมายฉบับใดที่จะผ่านสภาฯ 3วาระรวด ยังต้องตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา จึงประเมินว่าสภาฯจะพิจารณาผ่านร่างกฎหมายเสร็จประมาณวันที่ 10 มิ.ย.63

“กระท่อมถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2485 แม้จะมีความพยายามยกเลิกแต่ยังติดขัดเหตุผลบางอย่าง ปัจจุบันในสภาฯไม่มีส.ส.คนใดคัดค้านการปลดกระท่อมออกจากยาเสพติด ตรงกันข้าม ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า มีการศึกษาให้ยกเลิกกระท่อมตั้งแต่ ปี 2546 เหตุใดจึงยังทำไม่ได้ ผมไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่รู้ไส้ในว่ากฎหมายต้องประกอบด้วยเนื้อหาอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ทำได้คือกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน ว่าการปลดกระท่อมออกจากยาเสพติดจะสำเร็จเมื่อใด และผมยังคาดหวังให้มีการพัฒนาวิจัยกระท่อม เพื่อนำไปเลิกยาบ้า ยาไอซ์ ถ้าทำได้จะเป็นประโยชน์กับคนทั้งโลก เรื่องกระท่อมเราช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะคุณสมบัติดีๆมีอยู่มาก ถ้าช้าจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะจะไปกระทบผลประโยชน์ เราจึงต้องเดินหน้าเรื่องกระท่อมให้เร็วที่สุด” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงสถิติคดีที่เกี่ยวกับกระท่อม ว่า ตั้งแต่เดือนมค.- ต.ค.62 มี 50,000 คดี ผู้ต้องหาบางรายติดคุก 15 วัน บางรายเสียค่าปรับ หากคิดเป็นค่าใช้จ่ายทางคดีรัฐจะมีค่าใช้จ่ายให้กับตำรวจ อัยการและศาล ประมาณคดีละ 20,000 บาท หากกระท่อมไม่เป็นความผิดตามกฎหมายจะสามารถประหยัดงบประมาณของรัฐไปได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อถามถึงการคัดค้านไม่ให้ปลดกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ข้อขัดข้องมีเพียงเรื่องของผลประโยชน์เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะกระท่อมมีสรรพคุณในเรื่องการบรรเทาอาการปวด ใช้ทดแทนมอร์ฟีน หากพัฒนาเป็นระบบอุตสาหกรรมทางยาจะมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและลดการนำเขัายา ส่วนข้อกังวลเรื่องการลักลอบนำเข้าใบกระท่อมจากต่างประเทศ เชื่อว่าหากมีการปลดล็อกพืชกระท่อมพ้นบัญชียาเสพติดแล้ว ป.ป.ส. จะหาทางแก้ปัญหาได้ อาจจะให้กระทรวงทรัพยากรธรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพาะพันธุ์ต้นกล้าแจกประชาชนให้ปลูก แต่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วยว่าจะนุญาตให้ปลูกหมู่บ้านละกี่ที่กี่ต้น ตอนนี้มีต้นกระท่อมที่จะเป็นจะใช้เป็นพันธุ์ที่ดี สามารถเพาะแจกจ่ายให้ประชาชนได้แล้ว โดยอยู่ในแปลงนำร่องที่ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงที่กระท่อมยังไม่ได้ปลดล็อกอย่าเพิ่งอวดอ้างการปลูกและการใช้ทางยา ขอให้อดใจรอ หากปลดล็อกแล้วมีการรณรงค์ให้ปลูกค่อยปลูกตอนนี้ใครปลูกก่อนต้องถูกตัด

แสดงความเห็น