จิราพร อภิปรายคดีเหมืองทอง เชื่อ “ประยุทธ์” ใช้ประเทศต่อรองให้ถอนฟ้องคดี

จิราพร อภิปรายคดีเหมืองทอง เชื่อ “ประยุทธ์” ใช้ประเทศต่อรองให้ถอนฟ้องคดี หวั่นเป็น ผู้นำคณะรัฐประหารไทยคนแรก ขึ้นศาลโลก หากถูกชี้ ม.44  มิชอบ-เข้าข่ายองค์กรอาชญากรรม

การประชุมสภาฯ วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ต่อเนื่องวันที่สอง โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ได้ประชุม ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.

โดยน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อประเด็นคดีเหมืองทองอัคราว่าพรรคเพื่อไทยนำเรื่องดังกล่าวเปิดเผย และอภิปรายซักถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึง 3 ครั้ง รวมถึงตั้งคำถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงคำถาม อีกทั้งยังพบว่ามีการปกปิดข้อมูลที่เชื่อว่าจะมีความเสียหายกับประเทศไทย ทำให้ต้องอภิปรายเรื่องดังกล่าวเป็นรอบที่ 4  ซึ่งตนขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ที่ระบุว่าพร้อมตอบทุกคำถามให้ชี้แจงด้วยตนเอง ทั้งนี้ตนขอสังเกตว่า กรณีที่บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ฐานะบริษัทแม่ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ว่า รัฐบาลไทยได้อนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลง ขณะที่กระบวนอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศนั้น คณะอนุญาโตตุลาการฯ จะเลื่อนอ่านคำชี้แจงออกไปเป็นกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ นำทรัพย์สมบัติชาติไปประเคน และเอาประเทศเป็นเครื่องประกันตัวเองออกจากคดี

น.ส.จิราพร อภิปรายด้วยว่า ตนขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวรวมถึงกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการฯ เลื่อนอ่านคำชี้ขาด อย่างไรก็ดีตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นอาจมีกระบวนการประนีประนอมยอมความเพื่อให้ถอนฟ้อง เพราะไม่ต้องการให้ศาลระหว่างประเทศตัดสิน หรือ ชี้สถานะทางกฎหมายของคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่มีความชอบธรรมในสากล เพราะเป็นกฎหมายเถื่อนไม่ผ่านสภาฯ เป็นคำสั่งที่ออกจากคณะรัฐประหาร

“หากอนุญาโตตุลาการฯ ชี้สถานะว่ามาตรา 44 ไม่มีผลทางกฎหมายจะกลายเป็นสึนามิต่อรัฐบาล ที่ใช้มาตรา 44 กับบริษัทคิงส์เกตฯ  ฐานะบริษัทต่างชาติ และมีองค์ประกอบเข้าข่าย เป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรม ตามนิยามข้อที่ 2 ของอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งลักษณะองค์กร   ดังนั้นการใช้มตรา 44 อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์  ถูกตีความเป็นองค์กรอาชญากรรม กลายเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารคนไทยคนแรก ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ทำให้มีการเจรจาถอนฟ้อง” น.ส.จิราพร อภิปราย

น.ส.จิราพร อภิปรายต่อว่า นอกจากนั้น หากการตัดสินมาตรา 44 ว่าผิด  จะมีอาฟเตอร์ช็อคต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลทั้งคณะ คือ หากมาตรา 44 ผิดพลาด และรัฐบาลยังพยายามเอาทรัพย์สินและประเทศประกันตัวเองออกจากคดี หากไทยสามารถเจรจาประนีประนอมยอมความโดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนกกฎหมาย จะกลายเป็นความผิดพลาดร้ายแรงซ้ำสองสร้างภาระประเทศไม่มีที่สิ้นสุด

“หากไม่แสวงหาความจริงได้ ขอให้ทุกคำถาม ประทับอยู่ในหัวใจทั้งประเทศ พรรคเพื่อไทยไม่มีวันลืม แสวงหาข้อเท็จจริงทุกช่องทาง นำความจริง ตีแผ่เบื้องหลัง หากการเจรจายอมความมมีพฤติกรรมไม่สุจริต มีข้อแนะนำเดียว คือ เตรียมทีมทนายในและต่างปะเทศไว้ให้ดี” น.ส.จิราพร อภิปราย

แสดงความเห็น