ดีอีเอส ติวเข้มตำรวจปราบมิจฉาชีพออนไลน์ทั่วประเทศ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ – โกงสินค้าออนไลน์

ดีอีเอส ติวเข้มตำรวจมือปราบมิจฉาชีพออนไลน์ทั่วประเทศ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ – โกงสินค้าออนไลน์ เปิดทางให้ประชาชน ร้องเอาผิด จากตำรวจในพื้นที่ได้ ไม่ต้องรอถึงส่วนกลาง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เริ่มงานกระทรวงวันเเรกหลังจากหายป่วยโควิด โดยเป็นประธาน เปิดงานและมอบนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม วันนี้ (7 ก.พ. 65) ซึ่งมีพล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และผู้บริหารกระทรวงฯ เข้าร่วมในการเปิดการฝึกอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งครอบคลุมข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงผู้กำกับ ทั่วประเทศ

โดย นายชัยวุฒิ ระบุว่า การอบรมดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับภูธรจังหวัดทั่วประเทศที่มีอำนาจในการสอบสวนคดีที่เกิดจากทางออนไลน์โดยประชาชนผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนที่ส่วนกลางเเต่สามารถไปเเจ้งความกับตำรวจในพื้นที่หรือตำรวจภูธร เป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานงานแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ ซึ่งรวมถึงแก๊ง Call Center ที่กำลังระบาดหนัก  เเละครอบคลุมถึงการปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ข้ามแดนด้วย

“กระทรวงฯ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เล็งเห็นความสำคัญ ในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมอบอำนาจให้ตำรวจในพื้นที่ สามารถดำเนินการได้ตามคดีที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ผ่านมาได้ลงนามมอบอำนาจนี้ให้กับตำรวจไซเบอร์ ของบช.สอท. ขั้นตอนจากนี้ก็จะมอบอำนาจให้ถึงระดับตำรวจภูธร เพื่อรองรับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปของการซื้อขายออนไลน์ที่ขยายตัวอย่างมาก” นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาใช้แอปพลิเคชันกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว โดยเฉพาะการจ่ายเงินผ่านออนไลน์ ซื้อของออนไลน์ เป็นต้น ประกอบกับอาชญากรรมทางออนไลน์ก็เพิ่มขึ้น  ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ได้พบเห็นกันทั้งโลก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่กระทรวงดิจิทัลฯ ในฐานะกำกับดูแล บทบาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จะเร่งการทำงานร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในภารกิจแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์

สำหรับการจัดอบรมครั้งนี้เป็นรูปแบบออนไลน์ ระยะเวลา 5 วัน เนื้อหาหลักสูตรครอบคลุม 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การอบรมด้านจริยธรรม /จรรยาบรรณที่พึ่งมีในบทบาทและอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ 2. ความรู้พื้นฐานด้านการสืบสวนและสอบสวนเพื่อบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement)  และ 3.การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensics)

นอกจากนี้นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนหลักการ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ ได้นำเสนอและผ่านการอนุมัติจาก ครม.ไปเมื่อสัปดาห์ที่เเล้วว่าขอให้ความมั่นใจกับประชาชน ภาคสังคม และสื่อมวลชนว่า รัฐบาลมุ่งหวังประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับประชาชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหา ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการสร้างและเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake news) ที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ซึ่งการกำหนดหลักการและแนวทางการทำงานและบูรณาการทำงานที่ชัดเจนตามร่างระเบียบฯ ฉบับนี้จะลดความเสียหายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วในเรื่องดังกล่าวด้วย

ขณะที่พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกัน และปรามปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ในปัจจุบัน ที่สร้างผลกระทบต่อประชาชน จึงมีความจำเป็นต้องสร้างบุคลากรให้สามารถในการสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น

ในโอกาสนี้ได้ขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลฯ ในการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพแก่ข้าราชการตำรวจ เพื่อให้มีคุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 381 นาย ครอบคลุม ระดับสารวัตรถึงผู้กำกับ จากหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ

“ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการสืบสวนสอบสวนของตำรวจทั้งประเทศ ทั้งจาก กองบัญชาการสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการ กองบัญชาการตำรวจปราบปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการสืบสวนสอบสวน และตำรวจภูธรภาค 1-9 ในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน” พล.ต.ท. สราวุฒิ

แสดงความเห็น